"พฤกษา" ลุยตลาดคอนโดมิเนียม ส่ง "พลัม คอนโด พหลโยธิน 89" ราคา 1 ล้าน สานฝันคนอยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง เหตุราคาที่ดินแพง วัสดุก่อสร้าง/ แรงงานขึ้นราคา ไม่สามารถสร้างทาวน์เฮ้าส์ราคา 1 ล้านได้ ด้านยอดขายปีนี้มั่นใจทะลุ 40,000 ล้านบาท

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า นโบายการลงทุนของบริษัทต้องการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคา แต่กลุ่มลูกค้าที่เป็นคนกลุ่มใหญ่จะมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยในราคาประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งในระดับราคานี้ เดิมบริษัทพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ ราคาตั้งแต่ 6 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท และประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับว่าเป็นเจ้าตลาดทาวน์เฮาส์ระดับกลาง-ล่าง มาโดยตลอด 

อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนที่ดิน วัสดุก่อสร้าง และ ค่าแรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้การพัฒนาทาวน์เฮาส์ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่สามารถทำได้เหมือนในอดีต ดังนั้นเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเมนต์นี้ จึงได้ปรับกลยุทธ์มารุกตลาดคอนโดมิเนียม ในระดับราคา 1 ล้านบาท เพื่อทดแทนและตอบสนองดีมานด์ของลูกค้ากลุ่มนี้

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโครงการ "พลัม คอนโดมิเนียม พหลโยธิน 89" บนที่ดินกว่า 100 ไร่ ตั้งอยู่ในทำเลทอง ริมถนนใหญ่พหลโยธิน ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวนรวม 7,700 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท มีห้อง 2 ขนาด คือ 22 ตารางเมตร และ 28 ตารางเมตร รวมมูลค่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ขณะนี้มียอดขายแล้ว 3,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท และจากนี้ไป มีเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงการคอนโดฯ ระดับราคาไม่เกินยูนิตละ 1 ล้านบาท เพื่อจับตลาดกลางและล่าง พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเซ็กเม้นท์่นี้ที่มีอยู่จำนวนมาก เห็นได้จากความสำเร็จจากการเปิด 3 โครงการที่ผ่านมา คือ พลัม คอนโด นวมินทร์, พลัม คอนโด ลาดพร้าว 101 และ พลัม คอนโด บางแค

“การลงมาจับตลาดคอนโดฯ ราคา 1 ล้านบาท ถือเป็นการปรับตัวทางธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันไม่สามารถที่จะทำโครงการทาวน์เฮ้าส์ในราคาดังกล่าวได้ เพราะราคาที่ดินและค่าก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นมาก ดังนั้นการสร้างคอนโดมิเนียมในราคาระดับนี้ จึงถือเป็นสินค้าทดแทน เพื่อรักษาตลาดลูกค้าไว้”

ทั้งนี้ เฉพาะโครงการประเภทคอนโดมิเนียม ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้ว 13,000 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 14,000-15,000 ล้านบาท มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้เพียง 7,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากโครงการประเภทคอนโดมิเนียม คาดว่าอยู่ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท อีกทั้งปัจจุบันยังมียอดขายรอการโอน (แบล็คล็อค) อีก 45,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า

ด้าน ยอดขายรวมของบริษัทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายถึง 30,00 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดรับรู้รายได้ทั้งปีนี้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 34,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ทั้งยอดขาย รายได้ และกำไร จะทำสถิติสูงสุด เป็นผลมาจากการที่เปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น