แบงก์-นอนแบงก์
"ไทยประกันชีวิต" พร้อมรบโค้งท้ายปี ระดม "โปรดักต์-บริการ" ดันเบี้ยทะลุเป้าหมื่นล้าน


 

 

 

"ไทยประกันชีวิต" จัดเต็มกลยุทธ์กวาดเบี้ยท้ายปี ระดมสินค้าครบมือ ทั้งคุ้มครอง-ลดภาษี-บำนาญ ย้ำบริการเด่นสร้างจุดต่าง สั่งปูพรมสาขาเข้าห้าง จับไลฟ์สไตล์ลูกค้า พร้อมเปิดโร้ดแม็พ ลุยตลาด "ดิจิตอล" ตอบโจทย์ขายครบวงจร

 

 

นายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยประกันชีวิต เปิดเผยว่า ในช่วงโค้งท้ายปีที่เป็นจังหวะการเติบโตของการขายประกันชีวิตอยู่แล้วนั้น ทางบริษัทได้จัดเตรียมกลยุทธ์ต่างๆ สำหรับรุกตลาดในช่วงนี้ไว้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสินค้าใหม่ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เร่งโปรโมทสินค้า 4 กลุ่มหลักที่จะเป็นไฮไลท์ช่วงปลายปีนี้ และจะเข้าไปจับกลุ่มลูกค้าแต่ละเซ็กเมนต์ เพื่อเดินหน้าสร้างเบี้ยใหม่ในปีนี้ให้ได้ 1 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมาย

สินค้าตัวแรก "ไม่ค้างมีคืน" เป็นแบบประกันชีวิตที่พ่วงความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและชดเชยรายได้แบบรายวัน สูงสุดถึง วันละ 3 พันบาท แถมยังมีทุนคุ้มครองชีวิตให้อีกด้วย ยิ่งกว่านั้น หากครบ 3 ปีแล้วไม่มีเคลมการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ก็ยังได้คืนเบี้ยบางส่วนด้วย เน้นจับกลุ่มที่มีอาชีพอิสระ

เช่นเดียวกับ "ไม่มีโรคมีคืน" สินค้าประกันชีวิตที่พ่วงคุ้มครอง 10 โรคร้ายแรงยอดฮิตที่พบมากในคนไทย เช่น มะเร็ง หัวใจ และหลอดเลือดสมอง มี 3 แพ็คเกจให้เลือกตามระดับทุนประกัน 3 แสนบาท 5 แสนบาท และ 1 ล้านบาท เน้นจับกลุ่มวัยทำงานที่ต้องการปิดความเสี่ยงเรื่องนี้

เขากล่าวอีกว่า ยังมีสินค้าในกลุ่มออมทรัพย์เพื่อใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีออกมาทำตลาดใหม่ในชื่อ "ธนทวี 10/5" ประกันชีวิตที่คุ้มครอง 10 ปี จ่ายเบี้ย 5 ปี ระหว่างทางมีเงินคืนให้ปีละ 10% ของทุนประกัน และความคุ้มครองชีวิตจะปรับเพิ่มขึ้นปีละ 100% ไปสูงสุดที่ 500% ในปีที่ 5 เป็นต้นไป เน้นกลุ่มลูกค้าวัยทำงานที่ต้องการซื้อเพื่อหักลดหย่อนภาษี สูงสุดถึง 1 แสนบาท

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าในกลุ่มการออมระยะยาวสำหรับการบำนาญที่มีให้เลือกรูปแบบได้หลากหลาย ทั้งจ่ายเบี้ยครั้งเดียว จ่าย 10 ปี หรือจ่ายจนถึงอายุ 60 ปี หลังจากนั้นก็จะได้รับเงินบำนาญหลังเกษียณ ซึ่งการซื้อแบบประกันกลุ่มนี้ยังสามารถลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้อีกถึง 2 แสนบาท

ด้านบริการเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่ไทยประกันชีวิตยกขึ้นมาเป็นจุดแตกต่างในการแข่งขันวันนี้ โดยนายสวัสดิ์กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดบริการ "iService" เป็นระบบบริการออนไลน์ที่ลูกค้าสามารถสมัครลงทะเบียน และเข้าไปใช้บริการต่างๆ ได้เองตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ พิมพ์เอกสารยืนยันเพื่อใช้ลดหย่อนภาษี พิมพ์ใบเตือนจ่ายเบี้ย ตั้งค่าโอนเงินปันผลเข้าบัญชี เคลมอุบัติเหตุ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริการที่เป็นจุดเด่นอย่าง Fax Claim ที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง และ Hot Claim สำหรับเคสด่วนที่เกิดเหตุและยืนยันถูกต้องแล้วสามารถจ่ายสินไหมได้ภายในวันเดียวหรือข้ามวันเลย

ในฝั่งบริการ บริษัทยังได้รุกเข้าไปเปิดสาขาและศูนย์บริการลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสาขา 304 แห่ง แบ่งเป็นสาขาที่มีตัวแทนประจำอยู่ด้วย 276 แห่ง และศูนย์บริการลูกค้าอย่างเดียว 28 แห่งซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในห้างสรรพสินค้า เพื่อเน้นให้บริการลูกค้าอย่างเข้าถึงไลฟ์สไตล์ลูกค้าจริงๆ ทั้งรับชำระเบี้ย รับเงินปันผล ใช้บริการเงินกู้กรมธรรม์ จ่ายบิลผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ไปจนถึงนั่งพักระหว่างมาช้อปปิ้ง โดยในปลายปีนี้ยังมีแผนจะเปิดศูนย์บริการลูกค้าเพิ่มอีก 6 สาขาด้วย

 

 

ด้าน นายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ในระหว่างจัดทำโร้ดแม็พเพื่อวางกลยุทธ์การทำตลาดด้านดิจิตอลอย่างเป็นระบบ โดยจะประสานทุกช่องทางต่างๆ ที่นำระบบดิจิตอลเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เดิมนั้น ให้รวมเข้ามาเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีระบบและเครื่องมือดิจิตอล เช่น แอพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ที่เป็นอุปกรณ์สนับสนุนการขายของตัวแทน

รวมถึงในเดือน พ.ย. เตรียมจะเปิดตัวระบบแอพลิเคชั่นใหม่ที่ให้ตัวแทนสามารถนำเสนอแบบประกัน คำนวณค่าเบี้ย และเชื่อมต่อกับระบบออนไลน์ที่สามารถส่งข้อมูลการรับประกันได้ทันที หลังจากนั้นจะสามารถออกใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยให้แก่ลูกค้าได้ด้วย เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างครบวงจร

"โร้ดแม็พนี้เราจะเริ่มใช้อย่างเต็มระบบให้ปีหน้า ทั้งการประสานระบบเข้ามาเชื่อมต่อกััน และระบบแอพลิเคชั่นใหม่อย่างเต็มรูปแบบ เรามองถึงเทรนด์ของตลาดในอนาคตน่าจะให้ความสนใจกับช่องทางการซื้อแบบตรงหรือไดเร็กท์มาร์เก็ตติ้งมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตอนนี้สัดส่วนยังน้อย แต่มั่นใจว่าในอนาคตจะเป็นตลาดที่สำคัญ เราจึงต้องวางโร้ดแม็พอย่างเป็นระบบและเริ่มสร้างฐานตั้งแต่ตอนนี้" นายอังกูรกล่าว

 

 


LastUpdate 14/10/2556 10:34:02 โดย : Admin
21-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 21, 2024, 10:42 pm