แบงก์-นอนแบงก์
ไทยประกันคาดปี '57 เบี้ยประกันชีวิต 5.2 แสนล้านบาท โตแผ่วลง 15%


 

 

ไทยประกันชีวิต เล็ง ปี'57 ธุรกิจประกันชีวิตโตลดลง เหลือ 15% มูลค่าเบี้ย 5.2 แสนล้าน เทียบกับปี '56 คาดโต 17% มูลค่าเบี้ย 4.5 แสนล้าน ชี้เศรษฐกิจแผ่ว-กำลังซื้อหาย มั่นใจบริษัทยังโตเกาะเทรนด์ตลาดได้ เชื่อผู้ถือหุ้นใหม่ "เมจิ ยาสึดะ" เข้ามาช่วยปูทางเจาะลูกค้าญี่ปุ่น ต่อยอดประกันกลุ่ม-เวิร์คไซต์มาร์เก็ตติ้ง

  

 นายอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยประกันชีวิต เปิดเผยถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในปี 2557 ว่า มีความเป็นไปได้ที่ทิศทางการเติบโตของธุรกิจนี้จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง คาดว่ามูลค่าเบี้ยรับรวมจะอยู่ทีี่ 5.2 แสนล้านบาท ขยายตัวประมาณ 15% ซึ่งอยู่บนสมมติฐานว่าเบี้ยปีแรกอันหมายถึงงานใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในปีหน้าเติบโตราว 15% เบี้ยจ่ายครั้งเดียวเติบโต 10% และมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์รวม 87%

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตทั้งระบบจะมีมูลค่าเบี้ยรับรวมที่ 4.5 แสนล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนหน้า 17% ซึ่งตัวเลขสรุปภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตที่สมาคมประกันชีวิตไทยได้รวบรวมจนถึงล่าสุดเดือนสิงหาคม 2556 พบว่า 8 เดือนแรกของปีนี้ เบี้ยรับรวมสามารถขยายตัวได้ประมาณ 17%

สำหรับปัจจัยสนับสนุนทิศทางการเติบโตดังกล่าวนั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ในปี 2557 เบี้ยน่าจะเติบโตชะลอลงตามทิศทางเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกโดยรวมไปด้วย รวมถึงปัจจัยด้านกำลังซื้อน่าจะมีผลกระทบมาก เพราะที่ผ่านมาประชาชนมีภาระหนี้อยู่มากพอสมควรจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นโครงการรถคันแรก บ้านหลังแรก ทำให้กำลังซื้อที่จะมาถึงประกันชีวิตจึงน้อยลงด้วย บวกกับปัญหาน้ำท่วมที่เริ่มกระจายวงกว้างตอนนี้ก็อาจกระทบกำลังซื้ออีกเช่นกัน

นอกจากนี้ ปัญหาด้านปริมาณการเติบโตของตัวแทนใหม่ในช่วงปีนี้ถือว่าขยายตัวได้น้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เห็นได้ชัดจากอัตราการสอบผ่านของตัวแทนใหม่ปีนี้ที่น้อยกว่าปีก่อนหน้าพอควร

อย่างไรก็ตาม นายอภิรักษ์ มองว่ายังมีประเด็นที่เป็นปัจจัยบวกอยู่บ้าง จากนโยบายรัฐบาลเรื่องการปรับเพิ่มรายได้ประชาชน จึงยกระดับฐานรายได้ขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันมาตรการเรื่องรถคันแรกก็มีผลบวกในแง่การสร้างความต้องการซื้อประกันชีวิตที่คุ้มครองภาระสินเชื่อให้ขยายตัวขึ้นด้วย และที่สำคัญ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ก็ทำให้สินค้าด้านประกันชีวิตยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจโดยเฉพาะการเก็บออมระยะยาว เพราะผลตอบแทนน่าสนใจมากขึ้น ขณะที่ประเภทคุ้มครองชีวิตจะเติบโตไปตามความสนใจและเข้าใจขของประชาชน

สำหรับไทยประกันชีวิตนั้น นายอภิรักษ์กล่าวว่า จะเน้นรักษาระดับการเติบโตที่ใกล้เคียงกับตลาด โดยคาดว่าในปีนี้จะมีเบี้ยรับรวมเติบโตประมาณ 17% เช่นเดียวกับอัตราของตลาด และปี 2557 บริษัทจะมีเบี้ยรับรวมเติบโต 16% ขณะที่ตลาดเติบโต 15% ดังกล่่าว

"ไทยประกันชีวิตถือเป็นบริษัทใหญ่ การเติบโตมักเป็นหนึ่งในตัวสะท้อนของภาพรวมในตลาดอยู่แล้ว ขณะเดียวกันฐานธุรกิจที่มีขนาดใหญ่การจะขยับขึ้นแต่ละเปอร์เซ็นต์มันก็ค่อนข้างยาก การเติบโตของเราก็จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับตลาดน่าจะเหมาะสมแล้ว"

สำหรับทิศทางการเติบโตในอนาคตหลังจากจะมีผู้ร่วมหุ้นรายใหม่ "กลุ่มเมจิ ยาสึดะ" จากญี่ปุ่นเข้ามานั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่า น่าจะช่วยให้บริษัทมีเครือข่ายในการเข้าถึงธุรกิจประเภทอื่นๆ เช่น ประกันชีวิตกลุ่ม (Group Insurance) หรือการทำเวิร์คไซต์มาร์เก็ตติ้ง เข้าไปนำเสนอแบบประกันให้แก่พนักงานในบริษัท ซึ่งโฟกัสไปที่บริษัทจากญี่ปุ่นที่มาทำธุรกิจในไทย เนืื่องจากกลุ่มเมจิ ยาสึดะ ก็เป็นธุรกิจประกันชีวิตรายใหญ่ในญี่ปุ่น จึงมีความสัมพันธ์กับธุรกิจญี่ปุ่นด้วยกันอยู่แล้ว

"สิ่งที่เราคาดหวังคงมองไปที่การต่อยอดธุรกิจ ซึ่งผู้ร่วมทุนน่าจะตอบโจทย์ในแง่การเชื่อมต่อไปยังฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้ ขณะเดียวกันเราก็สนใจเรื่องความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการพัฒนาธุรกิจและสินค้า เช่น แบบประกันชีวิตบำนาญ ซึ่งกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตจากญี่ปุ่นจะค่อนข้างเชีี่ยวชาญ ตรงนี้เราก็สนใจ แต่คงต้องค่อยๆ ติดตามไป" นายอภิรักษ์กล่าว

 

 


LastUpdate 14/10/2556 10:24:49 โดย : Admin
21-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 21, 2024, 10:35 pm