"ลีสซิ่งกสิกรไทย"ยกการ์ดสูง ไม่หวั่นสินเชื่อหลุดเป้า ชี้ทำสินเชื่อได้ 9.2 หมื่นล้านบาทก็พอใจสำหรับปีนี้ ฟันธงโค้งท้ายค่ายรถ-ไฟแนนซ์อัดแคมเปญเดือด เหตุเร่งระบายสต็อค สั่งคุมเข้มคุณภาพหนี้สกัดลูกค้าเสี่ยง พลิกเกมหันปล่อยกู้บิ๊กไบค์แทน เชื่อตลาดกำลังฮอตแถมลูกค้าดี
นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ปีนี้น่าจะชะลอตัวลงตามทิศทางของยอดขายรถใหม่ รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป้าหมายของลีสซิ่งกสิกรไทยที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีราว 9.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 16.8% นั้น ก็อาจจะไม่ถึงเป้าหมาย เนื่องจากตลาดไม่เอื้อกับการเติบโตมากนัก หากเร่งกระตุ้นมากเกินไปในช่วงนี้อาจจะกลายเป็นดึงลูกค้ากลุ่มเสี่ยงเข้ามาในพอร์ตได้ ซึ่งจะเสียหายมากกว่า
“ปีนี้เรามองว่าถ้าสามารถผลักดันสินเชื่อคงค้างในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ขึ้นมาราว 9.1-9.2 หมื่นล้านบาทได้ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว เพราะภาพนี้เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ ซึ่งแบงก์แม่เองก็เข้าใจสถานการณ์นี้และเห็นด้วยว่าไม่ควรเร่งในจังหวะที่ไม่ควรเร่งเช่นนี้ มิฉะนั้นอาจตามมาด้วยปัญหาหนี้เสียที่มากเกินไป เป็นภาระตั้งสำรองและยังขายขาดทุนเพราะราคารถมือสองตกลงในช่วงนี้มา 20-25% อีกด้วย ซึ่งคาดว่ากว่าตลาดรถยนต์คงจะฟื้นตัวได้ในประมาณไตรมาส 2 ปีหน้า”
อย่างไรก็ตาม นายอิสระมองว่า ในไตรมาส 4 ปีนี้ที่จะเป็นจังหวะสุดท้ายก่อนหมดปี น่าจะเห็นบรรดาค่ายผู้ผลิตรถยนต์ ดีลเลอร์ รวมถึงสถาบันการเงินอัดแคมเปญกระตุ้นตลาดเข้ามาอีกระลอกหนึ่ง เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ และช่วยระบายสต็อคที่ยังมีปัญหาเรื่องค้างอยู่กับดีลเลอร์อีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงช่วงปลายปีจะมีงาน “มอเตอร์เอ็กซ์โป” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นสำคัญ จึงเชื่อว่าจะมีสงครามโปรโมชั่นออกมาแข่งขันกันหนักในช่วงโค้งท้ายปีแน่นอน
เขากล่าวว่า แคมเปญการตลาดที่ใช้กันในเวลานี้ก็ถือว่าหนักมากแล้ว เชื่อว่าปลายปีออกมาก็ยังหนักอีก โดยมองว่าน่าจะมีแคปทีฟไฟแนนซ์ (ผู้ให้บริการสินเชื่อซึ่งเป็นบริษัทลูกค้าของค่ายรถยนต์) เป็นกลไกหลักในการผลักดันแคมเปญการตลาดแรงๆ ออกมากระตุ้นยอด เช่น ส่วนลดเงินสด อุดหนุนค่าดอกเบี้ยเช่าซื้อสำหรับรถแต่ละรุ่น เป็นต้น
ขณะที่สถาบันการเงินที่เป็นธนาคารหรือบริษัทในเครือธนาคารน่าจะระมัดระวังเรื่องการปล่อยสินเชื่อเข้มงวดมากกว่า และคงไม่เข้าไปรุกในจังหวะนี้หนักเกินไป เช่นอาจจะยังรักษาระดับเงินดาวน์ขั้นต่ำเอาไว้ที่ 10-15% ขึ้นไป ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ช่วยกรองคุณภาพลูกค้าได้ดีระดับหนึ่ง
ด้านการปรับตัวของลีสซิ่งกสิกรไทยในช่วงปลายปีนั้น นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ลีสซิ่งกสิกรไทย กล่าวว่า จังหวะปลายปีนี้เป็นต้นไป บริษัทจะโฟกัสสินเชื่อเช่าซื้อในกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (Big Bike) เพิ่มขึ้นแทน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอีกมากและกลุ่มลูกค้าค่อนข้างดี ทำให้สินเชื่อมีคุณภาพ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ปีนี้ตลาดบิ๊กไบค์น่าจะเติบโตได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 70,000 คัน หรือเติบโตราว 45% เนื่องจากมีค่ายผู้ผลิตรถจักรยานยนต์หลายรายเข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทยแล้ว เพื่อรุกตลาดเพิ่มขึ้นในไทย พร้อมกับรองรับการเปิดเออีซีในอนาคตด้วย ทำให้ราคาขายของบิ๊กไบค์ถูกลงมาพอสมควร จึงเป็นโอกาสที่บริษัทสนใจเข้าไปรุกตลาดมากขึ้นในจังหวะที่ตลาดรถยนต์ยังถูกกระทบเช่นนี้
ขณะที่ผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกของบริษัท นายอัครนันท์กล่าวว่า บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรายใหม่ได้ทั้งสิ้น 55,732 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ในระบบ 86,809 ล้านบาท คิดเป็นประมาณเกือบ 90% ของเป้าหมายทั้งปีแล้ว ส่วนหนี้เสียอยู่ที่ประมาณ 0.83% ส่งผลให้มีกำไร 274 ล้านบาท โดยบริษัทได้ตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับความผันผวนจากสภาวะเศรษฐกิจเผื่อไว้ล่วงหน้า ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนนี้อยู่ที่ 115 ล้านบาท
ข่าวเด่น