"ไทยประกันชีวิต"กระชับมือแบงก์พันธมิตร เดินหน้าขยายพอร์ตแบงก์แอสชัวรันซ์ โตต่อเนื่อง 15-20% มั่นใจปีนี้เข้าเป้าเบี้ย 5.7 พันล้านบาท กวาดลูกค้าซื้อประกันออมเงิน-ลดหย่อนภาษี จ่ายเบี้ยเฉลี่ยปีละ 5-7 หมื่นบาท เสริมทัพยอดขายฝั่งตัวแทนเติบโตแข็งแกร่ง

นางวรางค์ ไชยวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยประกันชีวิต เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรราว 4-5 ราย ในการทำตลาดแบงก์แอสชัวรันซ์ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเบี้ยให้แก่บริษัทมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายว่าปีนี้น่าจะมีเบี้ยจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ประมาณ 5,700 ล้านบาท

แม้จะมีธนาคารพันธมิตรหลายราย แต่ความร่วมมือกับธนาคารกรุงศรีอยุธยานับเป็นช่องพันธมิตรที่สร้างเบี้ยให้บริษัทได้มากที่สุด ซึ่งบริษัทได้ทำสัญญาความร่วมมือทำธุรกิจแบงก์แอสชัวรันซ์ผ่านสาขาของธนาคารกรุงศรีฯ ในพื้นที่ต่างจังหวัด คาดว่าจะทำเบี้ยได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเบี้ยปีแรกประมาณ 2,500 ล้านบาท

"แบงก์แอสชัวรันซ์เป็นช่องทางที่กำลังเติบโตได้ดีมาก ซึ่งเราตั้งเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับพันธมิตร เฉลี่ยปีละ 15-20% อยู่แล้ว"

นางวรางค์กล่าวอีกว่า แบงก์แอสชัวรันซ์ที่ทำร่วมกับธนาคารกรุงศรีฯ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ซื้อเพื่อออมเงิน และเป็นระยะยาวเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งค่าเบี้ยเฉลี่ยต่อรายค่อนข้างสูง 5-7 หมื่นบาท/ปี เทียบกับช่องทางตัวแทนซึ่งมีเบี้ยเฉลี่ยประมาณ 2 หมื่นบาท/ปี

ทั้งนี้ ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ในปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนในการสร้างเบี้ยให้บริษัทประมาณ 15% เท่านั้น ขณะที่ช่องทางหลักในการสร้างเบี้ยราว 80% และอีกประมาณ 5% มาจากช่องทางไดเร็กท์มาร์เก็ตติ้ง

ล่าสุด บริษัทยังได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงศรีฯ และมาสเตอร์การ์ด พัฒนาระบบการชำระเงินค่าเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต โดยเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้เป็นเครื่องรับบัตรเครดิตและรูดทำรายการได้ทันที ฉะนั้น ตัวแทนไทยประกันชีวิต สามารถนำเสนอแบบประกันและปิดการขาย พร้อมกับรับชำระค่าเบี้ยผ่านบัตรเครดิตได้ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพการขายของตัวแทนให้ดียิ่งขึ้น

นางวรางค์กล่าวว่า ในเบื้องต้นจะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับตัวแทนกลุ่มที่สามารถใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อสนับสนุนการขายได้หรือที่เรียกว่า "ไซเบอร์เอเจนท์" ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 15,000 คน แต่ภายในปีนี้น่าจะเข้ามาใช้ระบบรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตแบบใหม่นี้ได้ประมาณ 300 คนเท่านั้น และจะเพิ่มเป็น 1,500 คนในปีหน้า

"ที่ผ่านมาเรามีลูกค้าที่เลือกชำระค่าเบี้ยผ่านบัตรเครดิตคิดเป็นเงินประมาณ 3-4 พันล้านบาทต่อปี คิดเป็นสัดส่วนแล้วก็ยังน้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับมูลค่าเบี้ยรับรวมที่มากกว่า 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่เทคโนโลยีใหม่นี้ก็จะมาช่วยสนับบสนุนการขายได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น ซึ่งสามารถรับชำระผ่านบัตรเครดิตได้ทุกธนาคาร และต่อไปทางมาสเตอร์การ์ดก็จะมีโปรโมชั่นออกมาเพิ่มเติมพิเศษให้แก่ลูกค้าอีกด้วย" นางวรางค์กล่าว