จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เพราะจากเป้าหมายที่แต่ละผู้ประกอบการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าวางเป้าหมายไว้ตั้งแต่ต้นปีว่าสิ้นปีจะมีเป้าหมายอยู่ประมาณเท่าไหร่ เริ่มเห็นแนวโน้มพลาดเป้าตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสที่ 3
เมื่อก้าวเข้าสู่ไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นช่วงหน้าขาย เพราะมีเทศกาลสำคัญเข้ามาช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่มใจชื้นมากขึ้น แต่หากรอแต่เทศกาลมาช่วยหนุนคงจะทำให้ยอดขายไปถึงเป้าหมายได้ยาก ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้ประกอบการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าจึงต้องตบเท้าออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและทำโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นอารมณ์ผู้บริโภคอีกหนึ่งทาง
กิจกรรมส่งเสริมการขายที่ผู้ประกอบการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้างัดออกมาทำ เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคยังคงเป็นการทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้า ขณะเดียวกันยังพ่วงท้ายแถมด้วยการจับมือกับสถาบันการเงินมอบสิทธิพิเศษผ่อน 0% นาน 10 เดือน แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากทุกปีที่ผ่านมา คือ การที่ผู้ประกอบการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างออกมาตบเท้าขนสินค้าทุกรายการมาร่วมรายการผ่อน 0%
นางสอางทิพย์ อมรฉัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ผู้บริหารร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า เพาเวอร์บาย กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตเพียง 5% เท่านั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันผู้บริโภคยังได้มีการใช้เงินส่วนหนึ่งไปกับการซื้อรถยนต์คันแรก และในช่วงต้นปีที่ผ่านมายังมีความไม่ชัดเจนในเรื่องของการประกาศใช้ทีวีดิจิตอล รวมไปถึงสภาพอากาศไม่เป็นไปตามฤดูกาล ส่งผลให้ผู้บริโภคกล้าๆ กลัวๆที่จะออกมาซื้อสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากสินค้าในกลุ่มนี้สามารถชะลอการซื้ออกไปได้
อีกปัจจัยที่ทำให้ภาพรวมรายได้ของ เพาเวอร์บาย พลาดเป้าหมายในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา คือ การใช้มือถือสมาร์ทโฟนที่มีความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งปรับพฤติกรรมหันไปใช้กล้องมือถือแทนกล้องทั่วไป ซึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากสำหรับกลุ่มสินค้ากล้องถ่ายรูป ซึ่งกล้องถ่ายรูปที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กล้องดีเอชแอลอาร์ จากปัจจัยที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ของ เพาเวอร์ ในช่วง 9 เดือนเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีว่าจะเติบโต 10-15%
หลังจากก้าวเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ผู้ประกอบการเริ่มใจชื้นมากขึ้น เพราะเป็นช่วงหน้าขายสินค้า ประกอบกับสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาตอ (กสทช.) ออกมาประกาศให้ผู้ประกอบการทีวีสามารถออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดทีวีที่รองรับการระบบดิจิตอลได้ จึงทำให้ผู้ประกอบการทั้งกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและผู้ประกอบการค้าปลีกออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกันมากขึ้น
นอกจากนี้ การที่บรรดาค่ายสื่อสาร หรือไอที ออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่กันอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ท และค่ายที่สร้างความคึกคักให้กับวงการไอที คงจะหนี้ไม่พ้นการออกมาเปิดตัวมือถือซัมซุง และไปโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 ค่ายยังคงเป็นค่ายสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
นางสอางทิพย์ กล่าวว่า แม้ว่าจะมีปัจจัยหนุนในด้านของบรรยากาศ เทศกาลวันสำคัญ แต่บริษัทยังคงต้องออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ใช้งบ 60 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ แต้ง กิ่ว เดย์ จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า และไอทีในราคาพิเศษ พร้อมมอบสิทธิพิเศษผ่อน 0% นาน 4-10 เดือน เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 4 นี้ โดยแคมเปญดังกล่าวจะจัดทั้งหมด 30 วัน เริ่มตั้งแต่ วันที่ 31ต.ค.-28 พ.ย. นี้ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากเดิมปีก่อนที่จัดเพียง 10-12 วันเท่านั้น
พร้อมกันนี้ เพาเวอร์บาย ยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมร่วมกับผู้ผลิตและซัพพลายเออร์อีกมากมาย เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และผลักดันให้ไตรมาส 4 มียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือคิดเป็นยอดขายเฉพาะไตรมาส 4 ที่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมรายได้สิ้นปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 15%
นอกจากจะจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ ดังกล่าวแล้ว บเพาเวอร์บาย ยังเตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 6 แห่ง ในต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่, สุพรรณบุรี และสระบุรี ภายใต้งบลงทุนรวมประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งจำนวนสาขาที่เปิดในไตรมาสสุดท้ายนี้จะมี 2 สาขาที่เป็นรูปแบบสแตนด์อะโลน ขณะเดียวกันยังมีการปรับปรุงสาขาเซ็นทรัล ชิดลม และสาขาโรบินสัน บางรัก ที่จะมีรูปโฉมใหม่ ที่จะแล้วเสร็จภายในปีนี้ด้วย ส่วนสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ปรับโฉมใหม่ด้วยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปีหน้า จากแผนการขยายสาขาดังกล่าวจะส่งผลให้ เพาเวอร์บาย มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 83 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 27 สาขา และต่างจังหวัด 56 สาขา
ด้าน เพาเวอร์มอลล์ ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหนึ่งรายก็ออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างคึกคักเช่นกัน แม้ว่าจะออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ยังคงมียอดขายเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้าเพาเวอร์มอลล์ เดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 4-5% ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากสินค้าทำรายได้หลักอย่างโทรศัพท์มือถือ แท็บเลท ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ ยังคงมียอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าช่วงต้นปีจะได้รับผลกระทบจากปัญหาผู้บริโภคชะลอการซื้อทีวีไปบ้าง
แม้ว่าภาพรวมรายได้ 9 เดือนจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่เพาเวอร์มอลล์ ก็ยังไม่วางใจออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน หนึ่งในแคมเปญที่เพิ่งจบไปเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา คือ เพาเวอร์มอลล์ เพาเวอร์เซล ภายในงานจะมีสินค้าราคาพิเศษจำหน่ายมากมาย และมีการจับมือร่วมกับสถาบันการเงินมอบสิทธิ์พิเศษผ่อน 0% นาน 10 เดือน เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ต่อเนื่อง เพาเวอร์มอลล์ เลยต่อยอดแคมเปญด้วย เพาเวอร์มอลล์ เมก้า เซล ขึ้นทันทีเริ่มจากวันที่ 25 ต.ค.-31 ธ.ค. 2556 ภายในงานจะมีการขนสินค้ามาลดราคาสูงสุด 50% พร้อมรับส่วนลดเพิ่มสูงสุดอีก 30% เมื่อจ่ายด้วยบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ หรือรับสิทธิพิเศษจากบัตรเอ็มการ์ด เมื่อใช้ร่วมในการซื้อสินค้าลุ้นรับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท
นอกจากนี้ เพาเวอร์มอลล์ ยังจับมือกับพันธมิตรบัตรเครดิตอัดแคมเปญ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน ต่อเนื่องจากแคมเปญที่ผ่านมา หลังจากออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพาเวอร์มอลล์ คาดว่าภาพรวมทั้งปีน่าจะยังคงมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 5% ขณะที่ภาพรวมของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ในสิ้นปีนี้ยังคงวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ตัวเลขเดิมที่ 50,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5-6%
ขณะที่หน่วยธุรกิจย่อยออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างหนัก ในส่วนของตัวศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าที่ทั้งเพาเวอร์บาย และเพาเมอร์มอลล์ ได้เข้าไปเปิดให้บริการก็ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างหนักเช่นกัน โดยในส่วนของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลออกมาออกมากิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยรายการ “เซ็นทรัล/เซน เบบี้ไทม์ 2013 นำสินค้ำหรับเด็กมาลดราคาจากเคาน์เตอร์ปกติ 30-60% พร้อมรับส่วนลดเพิ่มอีก 12.5% เมื่อใช้คะแนนบัตร เดอะ วันการ์ด และช่วงเวลาเดียวได้จัดรายการ “เซ็นทรัล/เซน ออโต้ แอคเซสเซอรี่ แอนด์ ฮาร์ดแวร์ เซลล์ ลดราคาเครื่องมือทำความสะอาด อุปกรณ์ในบ้าน รถ และสวน จากเคาน์เตอร์ปกติ 15 - 20%
ด้านเดอะมอลล์ ออกมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่าน 3 บัตรสำคัญ คือ บัตรเอ็ม การ์ด บัตรเครดิต ซิตี้ เอ็มวีซ่า และบัตรเครดิตของสถาบันการเงิน เพื่อกระตุ้นให้ลุกค้าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยภายในศูนย์การค้า 3 แห่งของเดอะมอลล์ กรุ๊ป คือ เดอะมอลล์ ,ดิ เอ็มพีเรียม และสยามพารากอน
แคมเปญที่เดอะมอลล์งัดออกมาซัพพอร์ตการใช้ 3 บัตรดังกล่าว คือ แคมเปญ เซล ออฟ เดอะ เยียร์ มอบความพิเศษให้กับนักช้อปที่เป็นสมาชิกเอ็ม การ์ด , บัตรเครดิต ซิตี้ เอ็ม วีซ่า , บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ และสมาชิกคลับไทยประกันชีวิตที่ถือบัตรไทยไลฟ์การ์ดมอบสิทธิพิเศษในการซื้อสินค้าราคาพิเศษระหว่างวันที่ 23 ต.ค. -3 พ.ย.นี้
พร้อมกันนี้ ยังต่อยอดการกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคด้วยมีแคมเปญ ช้อปปิ้ง สปรี มอบความพิเศษให้สมาชิกบัตรอมเริกัน เอ็กซ์เพรส รับบัตรกำนัลสูงสุด 8% เฉพาะที่ ดิ เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ โดยแคมเปญดังกล่าวจะยิงย่วถึงวันที่ 28 พ.ย. นี้
ขณะที่ภาคเอกชนกำลังปลุกปั้นตัวเลขให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ในฝั่งของธรรมชาติ และความวุ่นวายทางการเมือง รวมไปถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกยังคงรุมเร้าภาคเอกชนเป็นระยะๆ โดยเฉพาะปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ภายหลังมีการประกาศชุมนุมใหญ่ เพื่อต้าน พรบ.การนิรโทษกรรม
อย่างไรก็ตาม การออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการค้าปลีก แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยให้ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในสิ้นปีนี้ปิดตัวเลขอัตราการเติบโตได้ 2 หลัก แต่ก็คงช่วยให้ภาพรวมรายได้ของแต่ละบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี
ข่าวเด่น