แม้ว่าในยุคสมัยปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าไปมาก ทำให้โรคร้ายอย่าง “มะเร็ง” หลายชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากแพทย์วินิจฉัยพบโรคได้อย่างรวดเร็ว ดังในกลุ่มมะเร็งเลือดที่สามารถรักษาให้หายได้โดยการปลูกถ่ายไขกระดูกหรือสเตมเซลล์เม็ดเลือด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยเด็กจะมีโอกาสรักษาหายได้สูงเกิน 80%
อย่างไรก็ดีตามค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงลิ่ว ถึงหลักล้านบาทกลายเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งของการรักษา ดังนั้นการมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งที่สังคมจะต้องช่วยกันสนับสนุน เนื่องจากยังมีชีวิตน้อย ๆ อีกเป็นจำนวนมากรอคอยอยู่อย่างมีความหวัง
เด็กป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวอันดับ 1
รองศาสตราจารย์ พลตรี ไตรโรจน์ ครุธเวโช รองประธานมูลนิธิกุมาร โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาเปิดเผยว่า ในแต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งเด็กรายใหม่ทั่วประเทศประมาณ 2,000 คนต่อปี โดยพบในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีประมาณ 10% อายุ 1-5 ปี ประมาณ 30% อายุ 5-9 ปีประมาณ 30% อายุ 9-15 ปีประมาณ 28% ซึ่งผู้ป่วยเด็กเหล่านี้กระจายรักษาตัวในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และโรงพยาบาลศูนย์บางแห่ง เป็นต้น
มะเร็งเด็กที่พบมากอันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมียประมาณ 40-50% ตามด้วยมะเร็งสมองที่เดิมเคยคิดว่า เป็นโรคของผู้ใหญ่ นอกเหนือจากนี้ยังมีมะเร็งอื่น ๆ อีกหลายชนิด อาทิ มะเร็งที่ลูกตาหรือมะเร็งจอประสาทตา(retinoblastoma) ซึ่งพบประมาณ 5-10% มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งต่อมหมวกไต มะเร็งไต มะเร็งตับและมะเร็งกระดูกและกล้ามเนื้อ เป็นต้น
การป่วยด้วยโรคมะเร็งนี้ยังไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน โดยสิ่งที่อาจเกี่ยวข้องได้แก่ กัมมันตภาพรังสี พันธุกรรมและอาหาร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตและในการตั้งครรภ์
มะเร็งในเด็กโอกาสหายสูง 80%
อย่างไรก็ดีรองศาสตราจารย์ พลตรี ไตรโรจน์กล่าวว่า แม้มะเร็งจะน่ากลัว แต่สำหรับในเด็ก ถือเป็นโรคแห่งความหวัง เพราะส่วนใหญ่รักษาได้ มีอัตราการหายสูง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันมีโอกาสรักษาหายสูงถึง 80% ขึ้นไป หรืออัตราหายอยู่ที่ 8 ต่อ 10 คน เมื่อได้รับการดูแลรักษาที่ดีและต่อเนื่องเป็นเวลาเฉลี่ย 3 ปี มีส่วนน้อยมากที่จะกลับมาเป็นซ้ำ
สำหรับการรักษามะเร็งในเด็กที่ได้ผลดีในปัจจุบัน การรักษาหลักคือ การให้เคมีบำบัด การให้เคมีบำบัดร่วมกับการฉายแสง เมื่อโรคดื้อยาจะให้เคมีบำบัดแรงขึ้น และการปลูกถ่ายไขกระดูกที่สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 3-5 ปี เพื่อให้ไขกระดูกฝ่อและนำไขกระดูกใหม่มาให้หรือปลูกถ่าย ซึ่งการปลูกถ่ายไขกระดูกจะนำมาจากพี่น้องท้องเดียวกันดีที่สุด จากมารดา รกและเลือดจากสายสะดือ
แต่ถ้าไม่มีจริง ๆสามารถใช้ผู้บริจาคของศูนย์บริการสภากาชาดไทยที่รวบรวมรายชื่อผู้ประสงค์จะบริจาคไว้
รพ.พระมงกุฎเกล้าดูแลเด็กป่วยมะเร็งร่วม 200 คน
ด้านคุณหมอปิยะ รุจกิจยานนท์ และคุณหมอชาลินี มนต์เสรีนุสรณ์ อาจารย์แพทย์แห่งหน่วยโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งเด็กที่หมุนเวียนอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์โลหิตวิทยาโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าอยู่ประมาณ 200 คน มีที่ต้องอยู่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลประมาณ 20-30 คนและมีที่มาตรวจรักษาและให้ยาเคมีประมาณ 70-80 คน ซึ่งจะเปิดบริการทุกวันพฤหัสบดี
คุณหมอชาลินีกล่าวถึงกรณีผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดรุนแรงรายหนึ่งชื่อว่า “น้องพีช” เป็นรายที่มีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากมีเซลล์เม็ดเลือดขาวมากผิดปรกติ โดยในคนปรกติทั่วไปจะมีปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ 5,000-10,000 เซลล์ต่อเลือด 1 ลบ.มม. แต่กรณีน้องพีชมีสูงถึง 900,000 เซลล์ซึ่งสูงมาก ทำให้หลอดเลือดอุดตันและมีเลือดออกจากร่างกายทุกทิศทาง
ดังนั้นการรักษาจึงต้องรีบเอาเลือดที่ผิดปรกติออกและให้เลือดดี จากนั้นใช้ยาเคมีบำบัดทำลายทั้งเซลล์ดีและไม่ดี ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้มีการสร้างเซลล์เม็ดเลือดใหม่ ๆ ที่เป็นเซลล์ดี เซลล์ปรกติได้ภายใน 1 เดือน
“เวลานี้น้องหายแล้ว แต่ยังให้ยาเคมีระดับต่ำอยู่เพื่อรอดูว่า ไขกระดูกสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่ดีออกมาอย่างต่อเนื่องจริง ๆ และโรคไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก ต้องให้ยาเคมีบำบัดและตรวจเป็นระยะ ๆ นานประมาณ 1 ปี จากนั้นต้องสังเกตการณ์ต่อเนื่องอีกเป็นเวลา 5 ปี หลังจากเลิกให้ยาเคมีบำบัดแล้ว โดยจะนัดมาตรวจเริ่มจาก 1-2 ครั้งต่อเดือน ก่อนจะเว้นช่วงห่างเป็น 3-4 ปี
แม้จะต้องใช้เวลายาวนานสักหน่อย แต่เป็นช่วงเวลาที่รอคอยอย่างมีความหวัง เพื่อให้ชีวิตได้มีโอกาสหายจากโรคร้าย
และเมื่อถึงเวลานั้น ย่อมหมายถึง ความสุขของหมอโรคมะเร็งด้วย เช่นกัน ตาม โดยที่ผ่านมามีผู้ป่วยเด็กอาการหนักที่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว 3-4 ราย” คุณหมอชาลินี กล่าว
ค่าใช้จ่ายสูงคือ อุปสรรค
นั่นเป็นความรู้สึกดี ๆ ของผู้เป็นแพทย์ ที่ได้รักษาและช่วยยื้อชีวิตให้กับเด็ก ๆ
อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยใจยังไม่เพียงพอ ยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้านทุนทรัพย์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านยาและอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ด้วย เพราะในคอร์ส การปลูกถ่ายไขกระดูกมีค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่ละครั้งสูงประมาณ 800,000-1,000,000 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ครอบครัวของผู้ป่วยเด็กโดยส่วนใหญ่ไม่สามารถจ่ายได้
สังคมและทุกคนจึงต้องช่วยกัน ซึ่งสามารถบริจาคทุนทรัพย์กันได้ผ่านมูลนิธิกุมารฯ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าโดยตรง
หรือจะร่วมกับกิจกรรมกับทางบริษัท แอ็คเซส เซ็นเตอร์ จำกัดและสำนักข่าวเอซีนิวส์ ซึ่งจัดการประกวด "Santa Kids" ทูตน้อยเพื่อเพื่อนด้อยโอกาส ปี7 ชิงถ้วยรางวัลนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสร้อยคอทองคำสัญลักษณ์ซานต้าคิดส์ มูลค่า 20,000 บาทจากร้านอัญมณีจิ้งเต็กโล้ง เพื่อนำเงินรายได้มอบให้แก่มูลนิธิกุมารฯ และจัดซื้อของขวัญเพื่อมอบเป็นกำลังใจแด่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ปลูกฝังคุณธรรมและการมีจิตอาสาแก่เด็ก ๆ
การประกวด Santa Kids จะมีขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม 2556 ณ ลานอินฟินิซิตี้ พารากอนซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ผู้สนใจสามารถสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ค่าสมัครประเภทเดี่ยว ชาย-หญิง 4-9 ขวบ คนละ 400 บาท ประเภททีม 3 คนขึ้นไป ไม่จำกัดเพศและวัย ทีมละ 600 บาท
ติดตามข้อมูลจาก Facebook : Santa Kids โหลดใบสมัครได้ที่ www.acnews.net หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Santa Kids Call Center 086-9856832
ข่าวเด่น