เสียงสะท้อนจากภาคส่วนต่างๆ ถึงทางออกในการแก้ปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงมีความเปราะบาง จนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยนายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ และในฐานะรองประธานกรรมการบริหาร หอการค้าไทย มองว่า การถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รัฐบาลตัดสินใจช้าและสายเกินแก้ เป็นเรื่องที่ไปไกลเกินกว่าที่รัฐบาลจะเดินเกมถอยหลัง
ซึ่งเมื่อปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลามมาจนถึงขณะนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมมีเป้าหมายต้องการขับไล่รัฐบาล จากความไม่พอใจทั้งการบริหารประเทศและเศรษฐกิจ ต่างจากเดิมที่มุ่งคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เท่านั้น
ดังนั้นทางออกหรือทางแก้ที่ดีที่สุดของรัฐบาล ควรยุบสภาและเลือกตั้งใหม่เพื่อลดความขัดแย้งและความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะหากมีการปะทะรุนแรงกับมวลชน จะส่งผลเสียต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการลงทุน ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้
มุมมองดังกล่าว สอดคล้องกับผลสำรวจของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือ กรุงเทพโพลล์ เกี่ยวกับคิดเห็นของประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,122 คน ในหัวข้อ “คะแนนนิยมเป็นอย่างไร หลังรัฐบาลแถลงถอน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม” พบว่า คะแนนนิยมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านอยู่ที่ 34.8% เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 31.7% ขณะที่คะแนนนิยมนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอยู่ที่ 26.7% ลดลงถึง 13.7%
คะแนนนิยม น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี 26.7% -13.7% นายอภิสิทธิ์ ผู้นำฝ่ายค้าน 34.8% +3.1%
และเมื่อถามความเห็นประชาชนด้วยข้อคำถามที่ว่า “สถานการณ์ ในวันนี้ รัฐบาลของ นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ควรยุบสภาฯ หรือไม่ ประชาชน 41.1% เห็นว่า “ควรยุบสภาฯ” ขณะที่ 38.7% เห็นว่าไม่ควร ส่วนที่เหลือ 20.2% ยังไม่แน่ใจ
ขณะที่สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้สำรวจความคิดเห็นเรื่องความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตย และความหวังต่อความสงบสุขของประเทศ จากประชาชนจำนวนทั้งสิ้น 1,053 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 4-9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 72.1% มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันลดลง มีเพียง 10.4% ระบุเพิ่มขึ้น
และอีก 17.5% ระบุว่า เหมือนเดิม และประชาชนส่วนใหญ่ 69.8% ไม่คิดว่า รัฐประหารจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่อีก 30.2% คิดว่าช่วยได้
ข่าวเด่น