เมื่อก้าวเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ของปีก็หมายถึงการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการจับจ่ายใช้สอย แม้ว่าไตรมาส 4 ของปีนี้จะมีความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นเป็นระยะๆ แต่ในส่วนของภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจยังคงต้องเดินหน้าพัฒนาธุรกิจและทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันต่อไป เพื่อกระตุ้นให้สิ้นปีมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เช่นเดียวกับธุรกิจค้าปลีก
ธุรกิจย่านราชประสงค์ถือเป็นย่านธุรกิจสำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากภายในย่านดังกล่าวเป็นแหล่งรวมของธุรกิจค้าปลีกชื่อดัง โรงแรมที่มีชื่อเสียง และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ นอกจากนี้ย่านราชประสงค์ยังถือเป็นแหล่งรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาสักการะบูชากันอย่างต่อเนื่อง
หลังจากย่านราชประสงค์ได้ผ่านวิฤติการเมืองเมื่อปี 2553 วันนี้ธุรกิจในย่านราชประสงค์เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาเยี่ยมเยือนเป็นระยะๆ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผู้ประกอบการในย่านราชประสงค์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น และรู้วิธีปรับตัวรับมือกับสถานการณ์
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงใช้พื้นที่ราชประสงค์บริเวณแยกราชประสงค์เป็นสถานที่ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ ได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว ต่างชาติที่เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย รวมไปถึงคนไทยเดินทางเข้ามาภายในย่านราชประสงค์มากกว่า 78 ล้านคน ส่งผลให้ยอดการจองห้องพักของโรงแรมในย่านมีอัตราส่วนสูงถึง 70%
กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังย่านราชประสงค์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน อินเดีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่เดินทางเข้ามาแม้ว่าจะมีจำนวนไม่มากเหมือนกับประเทศที่กล่าวไปข้างต้น แต่เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญ เนื่องจากมีอัตราการจับจ่ายใช้สอยที่สูง
ปัจจัยที่ทำให้ย่านราชประสงค์กลับมามีความคึกคักและฟื้นตัวอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่สมาชิกในสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ต่างออกมาให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมการตลาด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในย่าน ด้วยการสร้างสรรค์และนำเสนอปรากฏการณ์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้ง กิน ดื่ม หรือเที่ยว
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการโปรโมทการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในย่าน ซึ่งจากแนวทางดังกล่าวส่งผลให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งหรือกว่า 10 ล้านคนที่เดินทางมาประเทศไทยจะใช้เวลาพักในกรุงเทพฯ ประมาณ 1-2 วัน เพื่อเดินเที่ยวในย่านราชประสงค์และช้อปปิ้ง รวมไปถึงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นายชายกล่าวว่า การเดินทางมาราชประสงค์ของนักท่องเที่ยวถือเป็นการแสดงออกถึงความมั่นใจในทุกๆ ด้าน เพราะในบางประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลางถือว่าการชุมนุมทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ขณะที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะมีความกังวลต่อเรื่องความปลอดภัยสูงมาก
ส่วนนักท่องเที่ยวจีนแม้จะมีความกังวลในเรื่องของการออกมาตรการการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย แต่เนื่องจากประเทศจีนมีประชากรจำนวนมากและใช้เวลาในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่นาน จึงทำให้ประเทศไทยยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเดินหน้าเข้ามาท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ และสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจีนเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวคือ ย่านราชประสงค์
สำหรับภาพรวมการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ถือว่าใกล้เคียงกับภาวะปกติ เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคปรับลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายรถยนต์คันแรก
อย่างไรก็ตามคาดว่าภายในครึ่งปีแรก 2557 กำลังซื้อน่าจะกลับมาปรับตัวดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากโครงการใหม่ๆ ในพื้นที่ราชประสงค์ไม่ต่ำกว่า 2-3 แห่งจะเริ่มเปิดให้บริการ หากภาครัฐมีการใช้จ่ายงบประมาณด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงได้รับปัจจัยเสริมจากภาคการส่งออกและเกษตรกรรมโดยเฉพาะนโยบายเรื่องข้าวก็จะทำให้ผู้บริโภคคนไทยมีกำลังซื้อสูงขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นใหกลุ่มเป้าหมายทั้งต่างชาติและคนไทยออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ล่าสุดสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ได้ออกมาใช้งบประมาณ 150-200 ล้านบาท จัดแคมเปญ“Happiness is All Around 2014 @Ratchaprasong” เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกร่วมฉลองรับเทศกาลแห่งความสุข ด้วยการจับมือกับ 4 หน่วยงานรัฐและเอกชน ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), กรุงเทพมหานคร, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวีซ่า รวมไปถึงสมาชิกในย่านฯ สร้างรอยยิ้มต้อนรับปีใหม่กับคอนเซ็ปต์สุดเก๋ “THE LAND OF HAMPERS หรืออาณาจักรของขวัญ”
ภายในงานนักท่องเที่ยวจะตระการตากับกระเช้าของขวัญที่มีความหลากหลายมากที่สุดกว่า 10,000 รายการ พร้อมส่งของขวัญแห่งความสุขให้นักท่องเที่ยวแบบออลเดย์–ออลไนท์ และการเปิดไฟประดับทั่วทั้งย่านบนพื้นที่กว่า 220,000 ตร.ม. โดยได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานครและสมาชิกสมาคมทุกอาคารร่วมประดับประดาดวงไฟเฉลิมฉลองในรูปแบบต่างๆ
ส่วนลูกค้าที่ต้องการช้อปปิ้งสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ยังร่วมกับ บจก.วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (เอเชีย-แปซิฟิค) แอลแอลซี ศูนย์การค้าเกษร อัมรินทร์ พลาซ่า เซ็นทรัล เวิลด์ เอราวัณแบงค็อค เพรสิเด้นท์ ทาวเวอร์ อาเขต และอีกกว่า 3 พันร้านค้า จัดโปรโมชัน “ราชประสงค์ วินเทอร์ เซล” มอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 80% ให้นักท่องเที่ยวได้ชอปปิ้งสินค้ากว่า 1 แสนรายการ และที่ขาดไม่ได้ก็ช่วงคืนส่งท้ายปีจะมีการจัดกิจกรรม แบงคอกเคานดาวน์ ซึ่งปีนี้จะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่
ในด้านของการรักษาความปลอดภัยสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ยังได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ( สตช.) เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มงวดด้านการวางแนวทางการดูแลรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของย่านราชประสงค์อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งกล้อง CCTV จำนวนมากกว่า 1,000 ตัว ครอบคลุมในพื้นที่ทั่วย่านราชประสงค์ทั้งภายในและภายนอกอาคาร พร้อมเชื่อมโยงสัญญาณภาพไปยัง Control Room ที่มีเจ้าหน้าเฝ้าระวังเหตุผ่านทางจอมอนิเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านข่าวสารและความเคลื่อนไหวของกลุ่มมิจฉาชีพที่เข้ามาในพื้นที่กับภาครัฐเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
นายชายกล่าวว่า การจัดแคมเปญนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการได้มากถึงวันละ 3.51 แสนคน โดยคาดว่าในค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะมีมากถึง 5 แสนคน รวมเป็นจำนวน 20-30 ล้านคน ส่งผลให้มียอดจองห้องพักสูงถึง 95% พร้อมสร้างรายได้มากถึง 1.8 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่มีนักท่องเที่ยวประมาณ 10-15 ล้านคน และรายได้ประมาณ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท
จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า พื้นที่ย่านราชประสงค์ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจและต้องการเดินทางเยือนในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นลำดับที่ 8 ของโลก เนื่องจากที่ผ่านมามีการจัดแคมเปญไลฟ์สไตล์ที่สำคัญคือ “Happiness is All Around @ Ratchaprasong” อย่างต่อเนื่องมาถึง 13 ปี
ข่าวเด่น