พอก้าวเข้าสู่ช่วงปลายปีก็จะเป็นช่วงเวลาของการจับจ่ายใช้สอย  หนึ่งในสินค้าที่ผู้บริโภคให้ความสนใจควักเงินออกจากกระเป๋าเพื่อซื้อมอบให้กัน นั่นก็คือ  "กระเช้าของขวัญ"  ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการในธุรกิจค้าปลีกจึงต้องออกมาชูจุดขายกระเช้าของขวัญของตัวเองเพื่อดึงความสนใจของลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการค้าปลีกเลือกนำมาใช้ในปีนี้ คือ ความหลากหลาย  และการอิมพอร์ทสินค้าชื่อดังจากต่างประเทศมาจัดใส่กระเช้าของขวัญ

แม้ว่าจะมีการอิมพอร์ทสินค้ามาจากต่างประเทศ  แต่ในส่วนของราคาขายผู้ประกอบการค้าปลีกทุกรายยังคงราคาขายไว้ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว หากขยับราคาเพิ่มขึ้นอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าวได้

น.ส.ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์, ท็อปส์ เดลี่, ซูเปอร์คุ้ม, และซูเปอร์คุ้มขายส่ง  กล่าวว่า  ปลายปีถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับธุรกิจค้าปลีก  เพราะผู้บริโภคจะออกมาจับจ่ายใช้สอยเลือกสินค้าเพื่อเป็นของขวัญ  ซึ่งในส่วนของปีนี้บริษัทได้ใช้งบกว่า 80 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญกระเช้าปีใหม่เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค

สำหรับกลยุทธ์ที่บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล  นำมาใช้ทำตลาดกระเช้าของขวัญในปีนี้คือ "Customer Engagement Marketing"  หรือ การสร้างความผูกพันกับลูกค้าทางด้านอารมณ์ร่วม  เพราะจากการศึกษาข้อมูลจากบัตร SPOT Rewards Card  เพื่อหาข้อมูลว่าลูกค้าซื้อและชื่นชอบสินค้าหรือกระเช้าใดมากที่สุด พบว่า ลูกค้าชอบความหลากหลายและต้องการสินค้าคุณภาพ 

ด้วยเหตุนี้  บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล  จึงนำความต้องการดังกล่าวมารังสรรค์ลงในกระเช้าปีใหม่  เพื่อตอบสนองและสร้างความแตกต่างให้กับลูกค้าภายใต้แนวคิด Success / Love / Harmony  ด้วยการเลือกสรรสินค้าคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 1,000 รายการ มาจัดกระเช้าสำเร็จรูปกว่า 80 รูปแบบ เพื่อเป็นการส่งต่อสีสันแห่งความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ในราคาเริ่มต้นที่ 499 -  22,990 บาท

ในส่วนของของแนวคิดการออกแบบกระเช้าปี 2557  บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล  ได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด  “สีสันแห่งความสุข” (Colours of Celebration) โดยแต่งแต้มสีสันออกเป็น 3 ความหมาย ได้แก่ Colours of Success เติมสีสันให้ทุกความสำเร็จเป็นจริง Colours of Love แต่งแต้มสีสันแห่งความรักความห่วงใย Colours of Harmony เติมเต็มชีวิตด้วยสีสันแห่งความสุขกายสบายใจ มีกระเช้าสำเร็จรูปให้เลือกกว่า 80 แบบ

พร้อมกันนี้  ยังบริการจัดกระเช้ารูปแบบพิเศษ (Tailor Made) ให้ลูกค้าสามารถเลือกกระเช้าและสินค้าด้วยตัวเอง และยังคงคอนเซ็ปต์ Reusable นำกระเช้ากลับมาใช้ซ้ำ เช่น รถลากไม้สำหรับเก็บอุปกรณ์ทำสวน, หีบไม้สำหรับใช้เก็บอัลบั้มรูปหรือหนังสือ และกระเป๋าเดินทางสำหรับเก็บผ้าพันคอหรือเสื้อกันหนาว เพื่อตอกย้ำแนวคิดกระเช้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มช่องทางการซื้อกระเช้าของขวัญปีใหม่ ได้แก่  ช้อปออนไลน์ทาง www.tops.co.th/topshoponline และขายผ่านร้านแฟมิลี่มาร์ท  ด้วยการขนกระเช้า 8 แบบ ราคาระหว่าง  550 – 2,000 บาทเข้าไปจำหน่าย

น.ส.ภัทรพร กล่าวว่า   ภาพรวมตลาดกระเช้าปีใหม่ยังเติบโตต่อเนื่อง  เพราะผู้บริโภคให้ความสำคัญในการมอบของขวัญแก่กัน เพื่อเป็นตัวแทนส่งมอบ ความรัก ความห่วงใย และกำลังใจให้แก่กัน โดยปี 2555 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 998.7 ล้านบาท เติบโต 55% เมื่อเทียบจากปี 2554 ในส่วนของบริษัทได้วิเคราะห์อินไซด์ผู้บริโภคโดยข้อมูล SPOT Rewards Data Mining พบว่าการสร้างรูปแบบกระเช้าผ่านกลยุทธ์ Customer Engagement Marketing คือการสร้างความผูกพันกับลูกค้าทางด้านอารมณ์ร่วม เพื่อแทนความหมาย

นอกจากนี้ ผลการศึกษาข้อมูลยังพบว่า ผู้บริโภคแต่ละกลุ่มจะมีการซื้อกระเช้าของขวัญที่แตกต่างกันไป เช่น กลุ่มคนมีครอบครัวที่เป็นเจ้าของธุรกิจหรือพนักงานบริษัท จะเลือกกลุ่มกระเช้าที่มีความหมายขอบคุณในเชิงธุรกิจ, กลุ่มคนโสดจะเลือกกระเช้าที่มีความหมายด้านความรัก, กลุ่มคนมีครอบครัวที่อายุเฉลี่ยสูงวัยจะเน้นกระเช้าที่สื่อความหมายเรื่องความเคารพ  

น.ส.ภัทรพร กล่าวต่อว่า เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค บริษัทได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมอบส่วนลดประหยัดจริง 33% โดยไม่ต้องใช้คะแนนแลก ซึ่งถือเป็นสิทธิประโยชน์ส่วนลดจริงที่ดีที่สุดในตลาด พร้อมเพิ่มความหลากหลายในการเลือกรับสิทธิประโยชน์จากพันธมิตรสถาบันการเงินกว่า 6 ราย และเพิ่มทางเลือกแบ่งผ่อน 0% นาน 3 เดือน กับสถาบันการเงิน 3 ราย และสิทธิประโยชน์เพิ่มกับบัตรเครดิตกสิกรไทย ด้วยการนำคะแนนสะสมแลกรับส่วนลด 12% คาดว่าจากแคมเปญดังกล่าวจะช่วยเพิ่มยอดขายกระเช้าในปี 2557 เติบโตเพิ่ม 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย  400  ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมตลาดกระเช้าของขวัญในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ  1,200  ล้านบาท หรือเติบโต 20%

ด้าน นายศุภวุฒิ  ไชยประสิทธิ์กุล  ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซุปเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด  กล่าวว่า การขายกระเช้าของขวัญปีนี้น่าจะยังได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมากระเช้าของขวัญปีใหม่ของกูร์เมต์ มาร์เก็ต และโฮม เฟรช มาร์ท ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตในกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้มากกว่าปีละ 20 ล้านบาท  ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาซื้อกระเช้าของขวัญของบริษัทก็มีทั้งในส่วนของบริษัท, องค์กรธุรกิจ  และลูกค้าทั่วไป 

ที่ผ่านมาบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป  มีการนำเสนอไอเดียกระเช้าปีใหม่ที่แตกต่าง ด้วยการชูจุดเด่นของกระเช้าของขวัญในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเช้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั้งผู้ให้และผู้รับ รูปแบบการคัดสรรสินค้า และความพิถีพิถัน ทั้งวัสดุ อุปกรณ์การตกแต่ง บริการ Gift & Wrap Service  รวมไปถึงการจัดส่งที่รวดเร็วและได้มาตรฐาน โดยเฉพาะที่กูร์เมต์ มาร์เก็ต ลูกค้า 60-70% มีความพึงพอใจกับกระเช้าที่มีธีมในการนำเสนอ  มีความเข้าใจ  มีความรู้ในการเลือกสินค้า และมักมองหาของขวัญที่มีเอกลักษณ์ 

สำหรับปีนี้ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้วางแผนทำตลาดกระเช้าผ่านแผนกกูร์เมต์มาร์เก็ต และโฮม เฟรช มาร์ท  ที่เข้มข้นเช่นกัน  ด้วยการใช้งบกว่า 15 ล้านบาท  จัดทำกระเช้าของขวัญ ในคอนเซ็ปต์ “Giving as  a Connoisseur” มอบความสุขที่แตกต่าง คัดสรรมาโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า  เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทั้งผู้ให้และผู้รับผ่านกระเช้าของขวัญ  8 รูปแบบ  ในราคา เริ่มต้นที่ 469 – 15,000 บาท  ซึ่งกลุ่มราคาของกระเช้าของขวัญที่ได้รับความนิยมจะอยู่ที่ราคา 1,500 -3,000 บาท  และเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในปีนี้  บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป  ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษรับส่วนลดคืนสูงสุด  36%  และผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือน  เพื่อเอาใจลูกค้า

ในส่วนของรูปแบบกระเช้าของขวัญ 8 รูปแบบ  ประกอบด้วย  1. The Award-Winning Gourmet (A Gourmand’s Delight Hamper) กระเช้าระดับเวิลด์คลาส ที่รวบรวมหลากหลายสินค้าสุดพิเศษที่คัดสรรมาอย่างดี และได้รับการันตีด้วยรางวัลมากมายจากทั่วมุกมุมโลก ทั้งรางวัล Award-Winning และ World’s Famous

2. British Essentials (Tea Hamper)  กระเช้าพิเศษพร้อมชุดกาน้ำชา  ที่จะชวนคุณระลึกถึงช่วงเวลา  5 O'clock Tea  อันแสนประทับใจของผู้ดีอังกฤษ กับของว่างเบาๆ ก่อนทานอาหารค่ำ  เช่น  บิสกิต เค้ก ช็อกโกแลต ขนมปังกรอบ และอีกมากมาย

3.The Alfresco Hamper (Perfect Picnic Hamper)  กระเช้าที่รวบรวมของว่าง สแน็ค เครื่องดื่ม ที่เหมาะสำหรับการพกพา ออกไปปิคนิคกลางแจ้ง อย่างครบครัน และเต็มรูปแบบ 

4. Rise & Shine  (Breakfast  Hamper) ให้มื้อเช้าของคุณสมบูรณ์แบบ  พร้อมที่คัดสรรเครื่องดื่ม เช่น  ชา กาแฟ แก้วชงกาแฟ แบบ French Press แป้งแพนเค้กสำเร็จรูปที่สามารถไปทำเองได้ง่ายๆ ซึ่งคุณสามารถทานคู่กับ แยม  มาร์มาเลด น้ำผึ้ง เมเปิ้ลไซรัป และ ซีเรียล  

5.La Dolce Vita ( Italian Hamper) สัมผัสกับความเป็นอิตาเลี่ยนอย่างแท้จริง ด้วยกระเช้าที่คัดสรรสินค้าพิเศษ  เช่น  สปาเก็ตตี้เส้นสด น้ำมันมะกอก ผสมเห็ดทรัฟเฟิล บัลซามิค ปลาแองโชวี่พันรอบลูกเคเปอร์ คาร์ชิโอฟินี่ พิเศษพร้อมด้วยไม้ตักสปาเก็ตตี้ ที่วัดเส้น ช้อนไม้แบบมีร่อง ตะหลิวไม้ ให้ได้ดื่มด่ำกับรสชาติความเป็นอิตาเลี่ยน แบบพิถีพิถัน

6. Merry Gets Healthy (Healthy Hamper) กินดี สุขภาพดี กับกระเช้าสำหรับคนรักสุขภาพ คัดสรรสินค้าอร่อย และดีต่อสุขภาพ อาทิ  แครกเกอร์ ธัญพืชอบกรอบ ผักและผลไม้อบกรอบ ลูกเกด แอปเปิ้ลไซเดอร์ น้ำแร่ธรรมชาติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ลงตัว 

7. The Choco Temptation (Chocolate-Mania Hamper)  กระเช้าที่คัดสรรจากความหลากหลายของชนิดของช็อกโกแลต ไม่ว่าจะเป็น ดาร์ก, มิลค์, มินท์, เฮเซลนัท, ทรัฟเฟิล, ครีมพราลีน เป็นต้น  

และ 8.The Lover Embrace (Celebration of Romance Hamper) กระเช้าสุดพิเศษที่เหมาะสำหรับคู่รัก ในบรรยากาศโรแมนติก ทั้งชากลิ่นแพชชั่นฟรุ๊ต น้ำผึ้งจากเกสรดอกอาคาเซีย บิสกิตชอร์ตเบรด ช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่สด และแก้วแชมเปญ เพื่อฉลองความสุขกันและกัน

นอกจากนี้ ยังมีกระเช้าของขวัญอีกมากมาย ที่ช่วยส่งมอบแทนคำขอบคุณและแทนความรู้สึกดีๆ ในทุกโอกาส  เช่น   ผักสดและผลไม้คุณภาพเยี่ยมนานาชนิดทั้งในและต่างประเทศ ,ผลิตภัณฑ์กูร์เมต์ไทย  และสินค้าโกรเซอรี่ชั้นนำนานาชนิด นำมาจัดเป็นกระเช้าของขวัญอย่างพิถีพิถัน พร้อมบริการ Gift & Wrap Service  ซึ่งหลังจากออกมาบุกตลาดกระเช้าของขวัญตามกลยุทธ์ดังกล่าว  บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป มั่นใจว่าปีนี้จะมียอดขายกระเช้าของขวัญอยู่ที่ประมาณ  200 ล้านบาท  เติบโตจากปีก่อน  20% 

แม้ว่าช่วงนี้จะมีปัจจัยลบทางการเมืองเข้ามากระทบเพิ่ม แต่จากการที่ผู้ประกอบการแต่ละรายออกมาอัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายกระเช้าของขวัญอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเพิ่มระยะเวลาขายยาวไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.2557 จากเดิมจะจบลงหลังปีใหม่ แต่ละค่ายคงโกยยอดขายเข้ากระเป๋าได้ตามเป้าหมาย