ผลดำเนินงานบจ.ไทย งวด 9 เดือน กำไรรวมสุทธิ 608,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.98% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยยอดขายไตรมาส 3 ยังเติบโตแม้เศรษฐกิจชะลอตัว หนุนยอดขาย 9 เดือนรวม 8,024,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.27%
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ (SET) จำนวน 469 บริษัท คิดเป็น 94.18% จากทั้งหมด 498 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG) นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 แล้ว โดยมี บจ. ที่มีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานจำนวน 384 บริษัท คิดเป็น 81.88% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยไตรมาส 3 ปีนี้มียอดขายรวม 2,779,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.87% จากงวดเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 203,196 ล้านบาท ลดลง 5.81% สำหรับงวด 9 เดือน มียอดขายรวม 8,024,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.27% กำไรสุทธิ 608,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.98% ด้านอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.29 เท่า
“ภาพรวมยอดขายไตรมาส 3 ของ บจ. ยังเติบโตได้ดีจากหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดพาณิชย์ หมวดธนาคาร หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และหมวดวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐที่หดตัว รวมถึงภาคการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้รายได้ของหมวดธนาคาร หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภค เริ่มมีสัญญาณการเติบโตที่ชะลอลง” นายชนิตรกล่าว
ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรเปรียบเทียบไตรมาส 3 ปีที่แล้ว อัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ส่วนอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 8.29% เป็น 7.31%
“การแข่งขันที่สูงรวมถึงการบริโภคและการลงทุนในประเทศหดตัว ส่วนความต้องการสินค้าและบริการจากต่างประเทศยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ และมีความเปราะบางสูง ทำให้การปรับราคาสินค้าทำได้ยาก ถึงแม้ว่าต้นทุนสินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่ผันผวน ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นและการมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรของ บจ. ไตรมาสนี้เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง ” นายชนิตรกล่าวเสริม
บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิ 9 เดือน ปี 2556 สูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ. ปูนซีเมนต์ไทย (SCC)
กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกจาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุด ได้แก่ ธุรกิจการเงิน ทรัพยากร และอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
สำหรับหมวดธุรกิจที่มีกำไรสูงสุด 3 อันดับแรก จาก 27 หมวดธุรกิจ ได้แก่ พลังงานและสาธารณูปโภค ธนาคาร และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยทั้ง 3 หมวดมีกำไรสุทธิรวม 372,012 ล้านบาท คิดเป็น 61.12% ของกำไรสุทธิรวมทั้งหมด และมียอดขายรวมของทั้ง 3 หมวด 4,391,753 ล้านบาท คิดเป็น 54.73% ของยอดขายรวมทั้งหมด
ข่าวเด่น