สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ ทุ่ม 800 ล้านบาท ขยายไลน์ธุรกิจ เล็งลงทุนคอมมูนิตี้มอลล์แห่งแรกในย่านเพชรเกษม ดักกำลังซื้อกรุงเทพฝั่งตะวันตก แย้มแผนระยะช่วง 3-5 ปี ลุยลงทุนโครงการแนวราบและแนวสูง มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท

นางแก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านโรงแรมและรีสอร์ท เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายไลน์ธุรกิจ ด้วยการเปิดตัว "คอมมูนิตี้มอลล์ วิคตอเรีย การ์เด้นส์" บนเนื้อที่ 20 ไร่ ด้วยงบลงทุนกว่า 800 ล้านบาท เพื่อรองรับกำลังซื้อจากชุมชนในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์แห่งแรก แห่งเดียวย่านถนนเพชรเกษม คาดว่าจะเปิดให้บริการได้เดือนกรกฎาคม 2557 และจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 5 ปี ปัจจุบันมีร้านค้าเข้ามาจองพื้นที่แล้ว 40% จากพื้นที่ทั้งหมด 14,000 ตารางเมตร รองรับได้ 200 ร้านค้า และที่จอดรถกว่า 400 คัน

นายวุฒิชัย เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ถนนเพชรเกษมเป็นทำเลที่จะกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักย่านหนองแขม เนื่องจากผลการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้บริโภคในย่านดังกล่าวมีกำลังซื้อสูง ครอบครัวส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจ และมีบุตรหลานอยู่ในวัยกำลังศึกษา ต้องการสถาบันกวดวิชาที่อยู่ใกล้บ้านและสะดวกต่อการเดินทาง ประกอบกับการมีบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัว ลำโพง-บางแค ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่บริเวณดังกล่าวยังไม่มีศูนย์การค้าในลักษณะคอมมูนิตี้มอลล์เลย บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการวิคตอเรีย การ์เด้นส์ 

สำหรับแผนการลงทุนในอีก 3-5 ปีนับจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการแนวราบอีก 2-3 โครงการ บริเวณเลียบคลองทวีวัฒนา บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ และเพชรเกษม 77 พื้นที่ 40 ไร่ รวมมูลค่าการลงทุน 2,000 ล้านบาท และมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเลียบโครงข่ายรถไฟฟ้าย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ และถนนเพชรเกษม มูลค่าการลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท และมีแผนจะนำที่ดินริมทะเลหาดพัทยา-จอมเทียน และหาดพัทยา-ดงตาล มาพัฒนาเป็นโรงแรมหรือคอมมูนิตี้มอลล์ หรืออาจจะเป็นรูปแบบผสมผสานกันระหว่างคอนโดมิเนียมกับพลาซ่า มูลค่าการลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท หากรวมมูลค่าการลงทุนตามแผนที่วางไว้จะมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้

ด้านผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีผลประกอบการเติบโตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 49% ซึ่งก็เป็นสัดส่วนรายได้ที่ใกล้เคียงกับกลุ่มธุรกิจสำนักงาน และกลุ่มธุรกิจเช่าพาณิชย์ประเภทอื่นๆ ที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 43% และกลุ่มรายได้อื่นๆ รวมถึงรายได้จากกลุ่มบริษัทตัวแทนนายหน้าด้านการบริหารงาน ซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนอยู่ที่ 8%

“แม้ว่าภาวะการเมืองจะไม่ค่อยดีนัก ซึ่งส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจขึ้น ๆ ลง ๆ ตามไปด้วย ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น บริษัทจึงจะไม่รีบลงทุน แต่จะอาศัยดูช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อน แต่ในส่วนของโครงการวิคตอเรีย การ์เด้นส์นี้ ถือว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการเมือง เพราะอยู่ในย่านชุมชน ที่ผู้คนต้องมาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันอยู่แล้วทุกวัน” นายวุฒิชัยกล่าว