ประกันชีวิตสุดมั่นใจดันเบี้ยโค้งท้ายเข้าเป้า 4.59 แสนล้าน โตสบาย 17% ไม่หวั่นแรงซื้อแผ่ว ชี้ตอบโจทย์ครบคุ้มครอง-ออมเงิน-หักภาษี-สุขภาพ เดินหน้าขายกระหน่ำปั๊มเบี้ยใหม่ชดเชยกรมธรรม์ครบเทอม มั่นใจปลายปีธุรกิจกำไรพุ่ง
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า หลังจากผ่าน 9 เดือนแรกซึ่งธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยรับรวมทั้งระบบขยายตัวกว่า 16% แล้ว ซึ่งยังมั่นใจว่าตลาดจะยังสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตของเบี้ยประกันในระดับที่ดีนี้ได้ บวกกับปัจจัยฤดูกาลที่ปลายปีจะเป็นช่วงที่มียอดขายค่อนข้างมาก จึงมั่นใจว่าธุรกิจประกันชีวิตน่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายเบี้ยรับรวมที่เติบโต 17.3% หรือคิดเป็นมูลค่าเบี้ยกว่า 4.59 แสนล้านบาท ตามที่คาดการณ์ไว้ได้ไม่ยาก
"ยังเห็นภาพว่าโอกาสเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตไปได้ดี ปัจจัยเรื่องกำลังซื้อที่ชะลอลงไม่น่าจะกระทบต่อการซื้อประกันชีวิต เพราะประกันชีวิตตอบโจทย์ได้หลากหลาย ทั้งบริหารเงินในเรื่องการออม บริหารความเสี่ยงด้วยการคุ้มครองชีวิต และบริหารค่าใช้จ่ายผ่านประกันสุขภาพ ซึ่งยอดขายส่วนนี้เติบโตขึ้นมาเยอะมาก จึงมองว่าไม่น่าจะถูกกระทบ"
อย่างไรก็ตาม นายสาระยอมรับว่า บริษัทประกันชีวิตบางแห่งอาจจะเจอปัญหาเรื่องอัตราเบี้ยต่ออายุที่ชะลอลง เนื่องจากกรมธรรม์ที่ขายมาระยะหนึ่งเริ่มชำระค่าเบี้ยครบแล้ว รวมถึงกรมธรรม์ที่ครบอายุ ก็จะไม่มีเบี้ยต่ออายุเข้ามา เรื่องนี้คงไปแก้ไขไม่ได้นอกจากจะเร่งขายกรมธรรม์รายใหม่เพื่อกระตุ้นเบี้ยปีแรกเข้ามาช่วยชดเชยยอดขายโดยรวมให้เติบโตขึ้น รวมถึงขายเพิ่มให้กับลูกค้าเดิมที่ชำระเบี้ยครบแล้ว
เขากล่าวอีกว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสนใจประกันชีวิตมากขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งลูกค้าจะเห็นความจำเป็นและตัดสินใจซื้อ หรือซื้อเพิ่มขึ้นเอง เช่น อายุมากขึ้น มีรายได้และมีกำลังจ่ายเบี้ย ก็พร้อมจะซื้อกรมธรรม์เพิ่มขึ้น หรือสถานะเปลี่ยน จากคนโสดมามีครอบครัว หรือมีลูก ก็จะเริ่มซื้อเพิ่มให้เป็นการศึกษาลูก และซื้อความคุ้มครองให้คนในครอบครัว หรือซื้อทุนประกันของตนเองเพิ่มขึ้นเพราะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่หารายได้หลัก หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน คนในครอบครัวก็จะไม่เดือดร้อน
ด้าน นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 4 มักจะเป็นจังหวะที่ธุรกิจประกันภัยเติบโตได้ดีและมีกำไรค่อนข้างแข็งแรงกว่าไตรมาสอื่นๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะประกันชีวิตที่จะมีแรงซื้อเข้ามามาก ด้วยปัจจัยเรื่องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี จึงมองว่ายอดขายไตรมาสสุดท้ายจะเป็นตัวกระตุ้นให้ยอดขายเติบโตในอัตราที่เร่งขึ้นอีก และเป้าหมายการเติบโตที่ประมาณ 17% ก็น่าจะเป็นไปได้ไม่ยาก
"ปัจจัยเรื่องกำลังซื้อมองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบมาก เพราะธรรมชาติของธุรกิจนี้้จะถูกกระทบช้าเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลง เพราะประกันชีวิตจะมีทั้งเบี้ยที่ขายปีแรก และเบี้ยที่ลูกค้าจ่ายต่ออายุมา ทำให้มูลค่าเบี้ยยังเติบโตได้ ไม่น่าจะมีปัญหาต่อการเติบโตในปีนี้แต่อย่างใด" นายประเวชกล่าว
ข่าวเด่น