ซีพี รีเทลลิงค์ ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจหลากหลาย ล่าสุด มีนโยบายเปิด CP Retailink Showroom และ CP Retailink Coffee ในต่างประเทศ เริ่มที่พม่า , ลาว และกัมพูชาในปี 2557
กว่า 14 ปีที่ผ่านมา ที่บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ ดำเนินธุรกิจในการจัดจำหน่ายสินค้าและให้บริการธุรกิจค้าปลีกสำหรับร้านสะดวกซื้อ, มินิมาร์ท, จำหน่ายอุปกรณ์ประกอบอาหารและเครื่องดื่มสำหรับโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร อุปกรณ์เครื่องชงกาแฟ ตลอดจนการบริการในกลุ่มธนาคาร มหาวิทยาลัย และกลุ่มโทรคมนาคมแบบครบวงจร วันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากมีลูกค้าหลากหลายองค์กรเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการบริการหลังการขาย 7 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ด้วยการเปิดศูนย์บริการมากกว่า 50 จุด ช่างเทคนิคและวิศวกรมากกว่า 1,400 คน มีรถบริการมากกว่า 700 คัน จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จึงประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ
สำหรับภาพรวมรายได้ในสิ้นปีนี้ บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ คาดว่าจะสามารถปิดยอดการจัดจำหน่ายสินค้าและการบริการได้ที่กว่า 2,500 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มสินค้าที่สร้างรายใด้หลักยังคงเป็นกลุ่มเครื่องดื่มและเครื่องชงกาแฟ ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด 70% และในเร็วๆนี้บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ ก็มีแผนที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่การให้บริการกลุ่มโทรคมนาคม และธุรกิจอื่นๆ อีกหลายธุรกิจ
จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ มีนโยบายเปิด CP Retailink Showroom และ CP Retailink Coffee ในต่างประเทศ โดยระยะแรก มีแผนการขยายพันธมิตรในช่องทางการจำหน่ายและบริการหลังการขายไปที่ประเทศพม่า , ลาว และกัมพูชาในปี 2557 เพื่อจำหน่ายสินค้าและให้บริการ รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC โดยมุ่งขยายไปยังเมืองท่องเที่ยวเป็นหลัก
หลังจากช่วงต้นปี 2557 เข้าไปเปิดตลาดในประเทศลาว ด้วยการเน้นโฟกัสในตลาดเวียงจันทร์, ปากเซ และจำปาสัก หลังจากนั้นช่วงไตรมาส 2 ปีเดียวกัน จะขยายไปยังประเทศกัมพูชาที่เมืองเสียมเรียบ และพนมเปญ รวมถึงพม่าที่กรุงย่างกุ้ง, เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์
ทั้งนี้ รูปแบบการลงทุนจะเป็นรูปแบบใหม่ไม่เน้นการลงทุนด้วยตัวเอง แต่จะร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นด้วยการจัดตั้งบริษัทในประเทศนั้นๆ เพื่อความสะดวกในด้านข้อกฎหมายการลงทุนต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันของแต่ละประเทศ ซึ่งหลังจากเดินหน้าบุกตลาดทั้ง 3 ประเทศอย่างต่อเนื่อง บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ คาดว่าจะมีรายได้รวมกันประมาณ 100 ล้านบาท ในสิ้นปี 2557
นายนริศ ธรรมเกื้อกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด บริษัทในกลุ่มซีพี ออลล์ กล่าว ในปี 2557 บริษัทได้เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจทุกรูปแบบ เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในเรื่องบริการหลังการขาย, การพัฒนาด้านบุคลากรช่างเทคนิค, ออฟฟิศ, การตลาด, ไอที และเตรียมลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบการรับแจ้งซ่อมอุปกรณ์ ระบบการบำรุงรักษาอุปกรณ์ในสัญญา
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายมุ่งเน้นการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานกาแฟ (Quality Assurance) และเพิ่มมาตรฐานการควบคุมคุณภาพให้ลูกค้า โดยบริษัทมีเจ้าหน้าที่ QA เพื่อควบคุมและรักษามาตรฐานกาแฟ รวมถึงจะมีการสร้างแล็บคั่วกาแฟ เพื่อเป็นการศึกษา,วิจัยกาแฟคุณภาพที่ดี รวมถึงผลิตเพื่อจำหน่ายให้ธุรกิจกาแฟในกลุ่มในอนาคต
สำหรับเครื่องชงกาแฟ Nuova บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี มีการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ๆ เช่น เครื่องกาแฟ Nuova รุ่น Simonelli AURELIA II T3 2GR อันเป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้ใจให้ใช้ในการแข่งขันบาริสต้าโลก มีความแข็งแรงและรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวในเรื่องของความเสถียรของอุณหภูมิ สามารถรองรับการขยายตัวของตลาดกาแฟที่เติบโตและมีศักยภาพทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้อย่างดี
นายนริศ กล่าวต่อว่า ความสำเร็จที่ได้รับตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทมีโครงการ CSR กาแฟสร้างอาชีพ เพื่อสังคมและชุมชน ซึ่งได้เริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่องมากว่า 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยการจัดอบรมการทำธุรกิจกาแฟให้กับผู้ที่สนใจ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ปัจจุบันโครงการ CSR กาแฟสร้างอาชีพ เพื่อสังคมและชุมชน จัดไปแล้ว 47 รุ่น มีผู้ผ่านการอบรมกว่า 4,000 คน และยังคงเดินหน้าจัดต่อไปเพื่อส่งเสริมการสร้างอาชีพ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจกาแฟที่มีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการนี้ได้รับเสียงตอบรับดีมากจากประชาชนทุกสาขาอาชีพที่ได้เข้ารับการอบรม เพราะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพและมีรายได้อย่างมั่นคง
สำหรับแผนการทำตลาดตลาดในประเทศ บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ มีแผนที่จะเดินหน้าขยาย CP Retailink Showroom และ CP Retailink Coffee อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของปีนี้จะเกิดเพิ่มอีก 6 สาขา ประกอบด้วย วิภาวดี 62 ,วิภาวดี 64 ,อุดรธานี หาดใหญ่ และศาลาแดง โดยแต่ละสาขาจะใช้งบลงทุนที่แตกต่างกันไป หากเป็นสาขาขนาดเล็กจะใช้พื้นที่ประมาณ 50 ตร.ม. จากปัจจุบันที่มีอยู่ 8 สาขา ซึ่งการออกมาขยายธุรกิจมากขึ้นในปีนี้เป็นเพราะแนวโน้มของภาคธุรกิจการผลิต การท่องเที่ยว และรถยนต์มีการขยายตัวที่ดี
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่ว ภายใต้แบรนด์ซีพี รีเทลลิงค์ ไปยังช่องทางโมเดิร์นเทรด ด้วยการเริ่มต้นที่ห้างแม็คโคร สาขาพัทยา เป็นแห่งแรกในต้นเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อให้สินค้าและบริการครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
นายนริศ กล่าวต่อว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะมุ่งสร้างฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและโทรคมนาคม เช่น ธนาคารกสิกร ดีแทค และทรู ขณะเดียวกันก็จะมุ่งเน้นให้การสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายให้มีความเข้มแข็ง และการใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท พัฒนาระบบการให้บริการเกี่ยวกับการรับแจ้งปัญหาหรือแจ้งซ่อมอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับลูกค้า เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจุบันบริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ มีรายได้มาจาก 2 ขาธุรกิจ คือ การจำหน่ายอุปกรณ์กรณ์ค้าปลีก ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีอัตราการเติบ15% และการขายบริการต่างๆ เช่น การซ่อมบำรุงรักษา การติดตั้งอุปกรณ์ การล้างป้าย ทำความสะอาดและล้างกระจกอาคารสูงปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 10%
จากแนวโน้มการเติบโตที่ดีดังกล่าวส่งผลให้คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 10% ถือเป็นอัตราการเติบโตมากกว่าภาพรวมตลาดเครื่องชงกาแฟเพื่อการค้าในประเทศไทย ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีอัตาราการเติบโตที่ทรงตัว หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท
การออกมาประกาศแผนธุรกิจดังกล่าว คงทำให้บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นในปีหน้า เพราะนอกจากจะมีรายได้ในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีรายได้ในส่วนของต่างประเทศที่เข้าไปเปิดตลาดเข้ามาช่วยเสริม แม้ว่าเริ่มต้นรายรับจะไม่สูงเท่ากับรายได้ในประเทศ แต่หากมองระยะยาว ถือเป็นเม็ดเงินก้อนโตเลยทีเดียว
ข่าวเด่น