กสิกรไทยแจงผลประกอบการเอสเอ็มอีปี 56 ยอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 516,169 ล้านบาท โต 10% ย้ำปี 57 มุ่งมั่นให้บริการลูกค้าภายใต้สโลแกน K SME ช่วยเต็มที่ SME มีแต่ได้ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานให้ดีขึ้น เพื่อให้ดูแลลูกค้าเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเหลือลูกค้าใหม่ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ตั้งเป้ายอดสินเชื่อปี 57 อยู่ที่ 571,983 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9-11%

นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี(SME)มาโดยตลอด รวมถึงการออกสินเชื่อเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่งผลให้ผลประกอบการสายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการปี 2556 นี้มียอดสินเชื่อเอสเอ็มอีเป็นมูลค่า 516,169 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ประมาณ 10% รายได้รวมอยู่ที่ 35,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ประมาณ 13% และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 3.05% ลดลงจากปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 3.20%
    
สำหรับในปี 2557 ธนาคารตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อเอสเอ็มอีอยู่ที่ 571,983 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ  9-11% รายได้รวมอยู่ที่ 39,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2.55% นอกจากนี้ธนาคารยังมุ่งเน้นการทำงานเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงาน ลูกค้า และผู้ถือหุ้น โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มดัชนีความพึงพอใจในบริการจาก 75% เป็น 77% ภายในสิ้นปี 2557

    
ทั้งนี้กลยุทธ์การดำเนินงานสายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการปี 2557 จะดำเนินภายใต้สโลแกน "K SME ช่วยเต็มที่ SME มีแต่ได้" โดยมีกลยุทธ์ใน 3 ด้าน คือ 1. กลยุทธ์ด้านพนักงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานให้มากขึ้น โดยลดพื้นที่การดูแลลูกค้าและลดงานที่ไม่เกี่ยวข้องลง เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพสูงสุด

2.กลยุทธ์ในการดูแลลูกค้าเก่า ด้วยการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ภายใต้เงื่อนไขที่ง่ายขึ้น รวมถึงการดูแลพนักงานด้วยความใส่ใจและการเยี่ยมเยียนลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าใช้บริการกับธนาคารมากขึ้น และมีความพึงพอใจในการใช้บริการของธนาคารที่ดีขึ้น

3.กลยุทธ์ในการดูแลลูกค้าใหม่ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยธนาคารจะให้การสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจซื้อขายเงินสด ไม่เดินบัญชี ไม่มีหลักประกัน ซึ่งโดยปกติกลุ่มนี้จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ยากมาก ธนาคารจะให้การสนับสนุนด้วยการออกผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสม

นายพัชรเปิดเผยว่า ในปี 2557 ธนาคารตั้งเป้ายอดสินเชื่อไว้ที่ 9-11% ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวและถือเป็นความท้าทายของธนาคารพาณิชย์ ควบคู่ไปกับการบริหารคุณภาพสินเชื่อ โดยคาดว่า จะต้องวางแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมมากขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงมากจาก ปัญหาความไม่แน่นอนด้านการเมือง อาจมีผลต่อการลงทุนของภาครัฐและเอกชนได้ และอาจเห็นเม็ดเงินบางส่วนไหลออกไปลงทุนในสหรัฐฯ หลังจากที่ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอมาตรการคิวอี นอกจากนี้ยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่ทำให้สภาพคล่องภายในประเทศมีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น