การตลาด
สกู๊ป : "เอ็มโพเรียม" ส่งดอกเบี้ย 0% จ่าย 10 เดือน เอาใจลูกค้าไฮโซขาช้อป


 

แม้ว่าช่วงใจกลางกรุงจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางการเมืองเป็นระยะๆ  แต่ในส่วนของยอดขายกลุ่มสินค้าแฟชั่นและลักชัวรี่ภายในศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มสินค้าแฟชั่นและลักชัวรี่ยังมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับตัวเลข 2 หลัก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้านาฬิกาและจิวเวลรี่

 

 

นายมนาเทศ อันนวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม กล่าวว่า ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ยังคงเป็นศูนย์กลางของการช้อปปิ้งของกลุ่มลูกค้าในย่านสุขุมวิท  และเป็นผู้นำของการช้อปปิ้งสินค้าในกลุ่มแฟชั่นและลักชัวรี่ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นกลุ่มต่างชาติและคนไทยยังคงเข้ามาใช้บริการและซื้อสินค้าตามปกติ ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายกลุ่มสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ยังคงมียอดขายเติบโตที่ดี เพราะกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อตั้งแต่ระดับบีบวกขึ้นไป

ปัจจัยที่ทำให้ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ยังคงมียอดขายกลุ่มสินค้าแฟชั่นและลักชัวรี่เติบโตในทิศทางที่ดี ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีการออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเกือบ 365 วัน ทั้งศูนย์การค้าเป็นผู้จัดเองและจัดร่วมกับพันธมิตร และเพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าแฟชั่นและสินค้าลักชัวรี่ให้ตัดสินใจได้ง่ายและเร็วขึ้น  ล่าสุดบริษัทได้จับมือร่วมกับธนาคารกสิกรไทย เพื่อร่วมกันจัดรายการส่งเสริมการขายภายใต้ชื่อ "เอ็มโพเรียม กิฟท์ กาล่า โชว์เคส" ซึ่งจะเป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายกลุ่มสินค้าแฟชั่นและลักชัวรี่แบรนด์เนมชั้นนำ 

 

 

 

 

นายมนาเทศ กล่าวว่า การจับมือร่วมกับธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้  นอกจากจะเพิ่มความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าระดับบนแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้ามายังกลุ่มลูกค้าไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ  เช่น  กลุ่มคนรุ่นใหม่  และผู้บริหารระดับต้น-กลาง มีรสนิยม รู้จักจับจ่าย อายุระหว่าง 25-35 ปี รวมไปถึงผู้ที่พำนักอาศัยอยู่ในย่านสุขุมวิทและใกล้เคียง เพราะจากการสำรวจกลุ่มลุกค้าในย่านสุขุมวิท พบว่า มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงอาศัยอยู่ตามคอนโดมิเนียมในย่านนี้เป็นจำนวนมาก บริษัทจึงต้องการขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มดังกล่าว

สำหรับแคมเปญ “เอ็มโพเรี่ยม กิฟท์ กาล่า โชว์เคส” ที่จัดในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าสมาร์ทช้อปเปอร์ ได้ช้อปแฟชั่นและลักชัวรี่แบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกภายในศูนย์การค้า  ดิ เอ็มโพเรียม  ที่ร่วมรายการกว่า  20  แบรนด์ดังในราคาพิเศษได้แบบจุใจกับข้อเสนอที่การชำระเงินแบบแบ่งจ่ายรายเดือน อัตราดอกเบี้ย 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน  (ภายใต้วงเงิน  10,000-100,000 บาท) เมื่อช้อป ณ ร้านค้าระดับโลกที่ร่วมรายการ 

 

 

หลังจากจบแคมเปญดังกล่าวในวันที่ 12 ม.ค.2557  ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม คาดว่าจะมีรายได้จากแคมเปญ  “เอ็มโพเรี่ยม กิฟท์ กาล่า โชว์เคส”  ไม่ต่ำกว่า  350  ล้านบาท และมีเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท  เนื่องจากมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างประเทศ พร้อมกันนี้ การจัดกิจกรรมดังกล่าว  ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ยังคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้ภาพรวมยอดขายให้กับกลุ่มแฟชั่นและลักชัวรี่มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากจะมีสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมและลักชัวรี่นำมาจำหน่ายในราคาพิเศษแล้ว ช่วงที่มีการจัดแคมเปญดังกล่าว ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ยังได้จัดงานแสดงของขวัญแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ระดับไฮแบรนด์คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด พร้อมกับตกแต่งบรรยากาศภายในศูนย์การค้าให้สวยงาม เพื่อให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศและการช้อปปิ้ง เนื่องจากจะมีการแสดงดนตรีและร้องเพลงประสานเสียง จากนักศึกษาดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลและนักเรียนนานาชาติ ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 12 ม.ค. 2557

นายมนาเทศ กล่าวต่อว่า หลังจากเปิดตัวแคมเปญนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าระดับบน และน่าจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าที่ถือบัตรเอ็ม แพลทินั่ม และบัตรสกาเล็ต ไดมอน(ผู้ที่มียอดช้อปกว่า 100 ล้านบาทต่อปี) เข้ามาใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกบัตรเอ็ม แพลทินั่ม อยู่ประมาณ 2 หมื่นคน ขณะที่สมาชิก สกาเล็ต ไดมอน มีอยู่ 550 คน ส่วนบัตรเอ็มการ์ดมีอยู่ประมาณ 2 ล้านคน

 

 

ด้าน นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า รู้สึกยินดีที่ได้เข้าร่วมแคมเปญการส่งเสริมการขายกับศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก เพราะการร่วมแคมเปญดังกล่าวถือเป็นการมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้กับลูกค้าของกสิกรไทยผ่านโปรแกรมแบ่งจ่ายรายเดือน 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน  ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการวางแผนการชำระเงินที่มอบกำลังซื้อสูงสุดให้กับลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทยทุกประเภท 

นอกจากนี้ ยังนับเป็นมิติใหม่ของการช้อปปิ้ง และบัตรเครดิตกสิกรไทยถือเป็นบัตรเครดิตใบแรกที่มอบอำนาจสูงสุดในการช้อปปิ้ง เพราะสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย เป็นลูกค้าระดับบนที่มีรสนิยมเป็นเลิศในการช้อปปิ้ง โดยจากฐานลูกค้าผู้ถือบัตรกว่า 3 ล้านใบของธนาคาร กว่า 10 % ของยอดจับจ่ายเป็นยอดที่เกิดจากการช้อปในหมวดแฟชั่นและลักชัวรี่  โดยสินค้าที่ลูกค้าชื่นชอบเป็นพิเศษ ได้แก่ กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ จึงมั่นใจว่าตลอดระยะเวลาของกิจกรรมการตลาดนี้ จะสามารถกระตุ้นยอดใช้จ่ายในลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 20%

นายชาติชาย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมายอดซื้อสินค้าลักชัวรี่โดยภาพรวมเติบโต 13.5% โดยการจับจ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยเติบโต 25% สูงกว่าตลาด ขณะที่การใช้จ่ายเฉลี่ยของบัตรอยู่ที่ 1.7 หมื่นบาทต่อเดือน สูงกว่าบัตรเครดิตอื่นๆ มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 1.2 หมื่นบาทต่อเดือน  

"การเข้าร่วมกับศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ในครั้งนี้ เพราะลูกค้าย่านสุขุมวิทมีอำนาจซื้อสูง สะท้อนจากข้อมูลการซื้อคอนโดมิเนียมระดับราคา 5 ล้านบาท พบว่าจ่ายเงินสดถึง 50% ขณะที่พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ชื่นชอบแบรนด์เนมเหมือนซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน"นายชาติชายกล่าว

นายชาติชาย กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในกลุ่มลูกค้าระดับบน ยังคงมีอัตราการเติบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตุได้จากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวิชดอม ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 แสนราย เป็นลูกค้าที่มีเงินฝากและลงทุนกับธนาคารตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป บัตรเครดิตพรีเมียร์ ที่ปัจจุบันมีฐานลูกค้าอยู่ประมาณ 2 แสนราย  เป็นลูกค้าที่มียอดฝากเงินตั้งแต่ 2-10 ล้านบาท และบัตรเครดิตแพลทินั่ม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 ล้านราย เป็นกลุ่มที่มีเงินเดือน 50,000  บาทขึ้นไป ยังมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ดี

อย่างไรก็ดี จากยอดการจับจ่ายผ่านบัตรเครดิตของธนาคารที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันบัตรเครดิตของธนาคารมีอัตราการเติบโต 25% สูงกว่ายอดการใช้จ่ายบัตรเครดิตทั้งระบบที่เติบโตเพียง 13.5% และหลังจากเข้าร่วมแคมเปญส่งเสริมการขายกับศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ในครั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะมียอดสมาชิกบัตรเครดิตรายใหม่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 200 ราย  

ขณะที่ภาพรวมเป้าหมายยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.5  แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าจะมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอยู่ที่ประมาณ  2.6 แสนล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 10,000  ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจ และการเมืองส่วนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามยอดการใช้จ่ายดังกล่าวยังถือว่ามีอัตราการเติบโตสูงที่ประมาณ 25% และปีหน้าคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า  25-30% จากปีนี้ เนื่องจากมองว่าแนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคน่าจะดีขึ้น ขณะที่หนี้เสียของกสิกรไทยอยู่ในระดับ 1.4-1.5% ต่ำสุดในระบบหนี้เสียอยู่ที่ระดับ 2%

 

 

แม้ว่าภาพรวมกลุ่มสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมและลักชัวรี่จะยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้น เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนมีกำลังซื้อที่ดี แต่ในกลุ่มสินค้าอื่นๆ ที่มีกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงไปเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก คงปฏิเสธไม่ได้ว่าได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าวแบบเต็มๆ ด้วยเหตุนี้บรรดาห้างค้าปลีกจึงต้องออกมาอัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงโค้งสุดท้ายกันแบบเต็มแรงเช่นเดียวกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งล่าสุดประกาศใช้งบ 200 ล้านบาท จัดแคมเปญ “2014 บิลเลี่ยน เซเลเบรชั่น” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 พ.ย. 2556 -12  ม.ค. 2557 เพื่อต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ภายในงานจะมีสินค้าของขวัญ ของแต่งบ้านจำหน่ายในราคาพิเศษลดสูงสุด 50%


LastUpdate 16/12/2556 09:31:28 โดย : Admin
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 11:02 pm