หุ้นทอง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & ตราสารหนี้ โฮม โปร


 

 

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่”

 

 

 

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย ตลอดจนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และผลงานในการบริหารศูนย์รวมวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ครบวงจร ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในหมู่ผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านและการชะลอตัวของการบริโภคในประเทศด้วย                                                                      

ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลประกอบการและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้โดยที่ยังคงอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายสาขา ทั้งนี้ ร้านค้ารูปแบบใหม่ของบริษัทคาดว่าจะช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างกำไรให้แก่บริษัทเพิ่มขึ้นในอนาคต

บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โฮมโปร” ปัจจุบันผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (30.23%) และ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (19.77%) บริษัทจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่เกี่ยวกับบ้านแบบครบวงจร อาทิ อุปกรณ์ปรับปรุงและซ่อมแซมบ้าน อุปกรณ์ห้องน้ำและเครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องใช้ในครัว และเครื่องตกแต่งบ้าน ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจด้วยการเปิดสาขาใหม่โดยเฉลี่ย 7 สาขาต่อปี เปรียบเทียบกับในช่วงก่อนหน้าที่จำนวนเพียง 3 สาขาต่อปี โดยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมานิยมศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่เป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายสาขาของบริษัท

ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2556 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 63 สาขา โดย 21 สาขาอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีก 42 สาขาอยู่ในต่างจังหวัด โดยสาขาที่เปิดใหม่ในปี 2556 มีทั้งหมด 11 แห่ง เมื่อรวมทุกสาขาแล้ว บริษัทมีพื้นที่ขายทั้งหมดประมาณ 445,700 ตารางเมตร (ตร.ม.) การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทสามารถสร้างฐานธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการขยายสาขาในต่างจังหวัดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเพิ่มเติมอีก

ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 28,363 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 34,542 ล้านบาทในปี 2555และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 29,129 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 17.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2555 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทที่เพิ่มขึ้นจาก 26.0% ในปี 2555 เป็น 26.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจากสินค้าที่เป็นตราสัญลักษณ์เฉพาะของบริษัทและการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการปรับปรุงรายการสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2,644 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 3,993 ล้านบาทในปี 2555 และเป็น 3,430 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีจากการบริหารเงินสดที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการขยายสาขาจำนวนมากและการสำรองสินค้าคงคลังสำหรับสาขาที่เปิดใหม่ โดยเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นจาก 5,523 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 เป็น 10,168 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2556 และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 49.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อเทียบกับ 30%-40% ในช่วงระหว่างปี 2552- 2555 อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้รวมของบริษัทคาดว่าจะดีขึ้นเนื่องจากบริษัทมีแผนการขายสิทธิในการเช่า “มาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน” มูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาทให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2557

 

 

บริษัทได้เปิดร้านค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านรูปแบบใหม่ ดำเนินการโดยบริษัทย่อย คือ บริษัท เมกาโฮม เซ็นเตอร์ จำกัด “เมกาโฮม” เป็นร้านค้าในรูปแบบคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่เน้นตอบสองความต้องการของกลุ่มผู้รับเหมา ตลอดจนเจ้าของโครงการ ร้านค้ารายย่อย และผู้บริโภค โดยแต่ละสาขาของเมกาโฮมจะจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านและสินค้าที่ใช้ในบ้าน โดยมีพื้นที่ขายประมาณ 12,000-20,000 ตร.ม. ต่อสาขา

เมกาโฮมสาขาแรกที่รังสิต จังหวัดปทุมธานี เปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2556 และสาขาที่ 2 ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากเปิดกิจการในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 2 สาขาในช่วงต้นปี 2557

เพื่อบรรลุแผนการขยายธุรกิจภายใต้ร้าน “โฮมโปร” และ “เมกาโฮม” บริษัทจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2557-2559 ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้ต่ำกว่า 1.75 เท่าและจะจัดหาเงินลงทุนดังกล่าวจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การกู้ยืม และการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

 
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HMPRO)
อันดับเครดิตองค์กร:                                                A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
HMPRO169A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559                   A+
แนวโน้มอันดับเครดิต:                                               
Stable


LastUpdate 16/12/2556 15:34:35 โดย : Admin
23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 8:35 am