กองทุนอสังหาริมทรัพย์ฯ กองที่ 3 ของกลุ่มเบียร์ช้าง "เจริญ  สิริวัฒนภักดี" Thai Hotel Investment Fund (THIF) มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.5หมื่นล้านบาท เตรียมออกเสนอขายต้นปี 2557 คาดหวังทั้งนักลงทุนต่างชาติ สถาบันในประเทศ ด้านผลตอบแทนคาดไม่น้อยกว่า 6-7 % ต่อปี

อนึ่งที่ผ่านมา กลุ่ม “เจริญ สิริวัฒนภักดี” มีการระดมทุนด้วยการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปแล้ว 2 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์ TCIF อาคารเนชั่น ทาวเวอร์ มูลค่า 1,960 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทล อินเวสเม้นต์ (TRIF) มูลค่า 2,490 ล้านบาท

นางชวินดา หาญรัตนกูล รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงาน กองทุนอสังหาและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (จำกัด) มหาชน กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บลจ.กรุงไทยได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) กองทุนอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่ม“นายเจริญ สิริวัฒนภักดี” คือ Thai Hotel Investment Fund (THIF) มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้ว และเบื้องต้นคาดว่าน่าจะสามารถซื้อขายได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2557 จากเดิมที่หวังว่าจะเสนอขายภายในสิ้นปีนี้

ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนที่มีจุดเด่นในหลายด้าน อาทิ ขนาดของกองทุนที่เกินหมื่นล้านบาทจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับนักลงทุน พร้อมกับด้านสินทรัพย์ของกองทุน Thai Hotel Investment Fund คือ การมีนโยบายลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมทั้งสิ้น 12 แห่ง ระดับ 3-6 ดาวทั่วประเทศ อาทิ กรุงเทพฯ สมุย ภูเก็ต เชียงใหม่ ฯลฯ ซึ่งถือเป็นข้อดีที่จะช่วยให้เกิดการกระจายความเสี่ยงไปยังพื้นที่ต่างๆได้ ทำให้ไม่เกิดภาวะรายได้กระจุกตัว

นอกจากจะมีนโยบายลงทุนแบบผสมแล้ว ยังมีสัดส่วนการได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ (Freehold) สูงถึงเกือบ 90% ที่เหลือเป็นสิทธิการเช่าในอสังหาฯ (Leasehold) ราว 10%  ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติน่าจะให้ความสนใจโดยเฉพาะด้านกำไรจากการขายสินทรัพย์ ซึ่งในปัจจุบันค่อนข้างน้อยแล้วที่จะมีกองอสังหาฯขนาดใหญ่ที่เป็น Freehold

“มั่นใจนักลงทุนต่างชาติสนใจ จากจุดแข็งของกองทุนนี้ ทั้งเรื่องของขนาดกองทุน การกระจายตัวของทรัพย์สิน ที่มีโรงแรมตั้งแต่ 3-6 ดาว อีกทั้งยังมีสัดส่วนของ Freehold สูง” นางชวินดากล่าว

นอกจากนี้ นางชวินดายังกล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าของการขออนุมัติออกและเสนอขายกองทุน THIF นั้น กำลังอยู่ระหว่างรอทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เข้ามาตรวจสอบและการขอข้อมูลเพิ่มเติม นอกจากนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ทางการเมืองด้วย ซึ่งถือว่ามีความอ่อนไหวต่อกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม แต่คาดว่าปีหน้าสถานการการเมืองจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น
               
ขณะที่ด้านผลตอบแทนนั้น นายสมชัย  บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า สำหรับปีหน้าการระดมทุนภายใต้รูปแบบการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ผลตอบแทนที่จะจูงใจนักลงทุนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็ควรสร้างแรงจูงใจในรูปผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 6-7 % ต่อปี ดังนั้นสำหรับผลตอบแทนของกองทุน THIF ก็คงไม่ต่ำกว่านี้แน่นอน