"กรุงเทพประกันชีวิต" ย้ำเดินหน้าต่อปี '57 ดันเบี้ยโตเกิน 15% ระดมรุกทุกช่องทางขาย ผนึกกำลังเครือบัวหลวง ตอบโจทย์สร้างหลักประกัน-สร้างฐานะ หวังแก้มือปีนี้เบี้ยใหม่วืดเป้า หลังเศรษฐกิจครึ่งปีหลังแผ่ว-พิษการเมือง แม้งัดไม้เด็ดสินค้าใหม่จ่ายเบี้ยปีเดียว เน้นตอบโจทย์หักภาษีโค้งท้ายก็ยังหงอย
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของตลาดประกันชีวิตในปี 2557 คาดว่าตลาดจะขยายตัวได้ประมาณ 10-15% เป็นระดับการเติบโตที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับระยะ 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากฐานเบี้ยปัจจุบันของตลาดได้ขยายตัวขึ้นมาสูงมากแล้วมีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท อัตราขยายตัวจึงเริ่มลดลงเป็นเรื่องธรรมดา
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดยังเติบโตได้อยู่คือ อัตราการถือครองกรมธรรม์ของประชาชนยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 32% ของประชากรทั้งประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีอัตราถือครองกรมธรรม์เพียง 26% เท่านั้น จึงถือว่ายังมีโอกาสอีกเยอะมาก
สำหรับการเติบโตของกรุงเทพประกันชีวิต นายโชน กล่าวว่า บริษัทน่าจะเติบโตได้ในอัตราไม่น้อยกว่าตลาด หรือเติบโตไม่น้อยกว่า 15% ระดมกำลังการขายผ่านทุกช่องทาง ทั้งแบงก์แอสชัวรันซ์ ตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน และช่องทางอื่นๆ ซึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในปีหน้าก็จะยังเน้นกระชับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในกลุ่มบัวหลวงทั้ง 3 บริษัทหลัก
ในความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นช่องทางขายที่สำคัญกว่า 80% ในการสร้างเบี้ยใหม่ ซึ่งมีฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว ส่วนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง ก็จะเป็นฝ่ายสนับสนุนสินค้าด้านหน่วยลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางบริหารเงินลงทุนของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพและผลตอบแทนที่ดีขึ้น และบมจ.กรุงเทพประกันภัย ก็สนับสนุนด้านสินค้าประกันภัยเพื่อตอบโจทย์บริหารความเสี่ยงและคุ้มครองทรัพย์สินของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
"ความร่วมมือทั้งหมดนี้ถือว่าเครือกรุงเทพมีฐานธุรกิจที่ค่อนข้างครบและแข็งแกร่ง สามารถเชื่อมต่อสนับสนุนกันและกันได้ เพื่อตอบโจทย์ในภาพรวมทั้งการสร้างหลักประกันและสร้างฐานะให้แก่ลูกค้าได้ทั้งสองฝั่ง โดยปัจจุบันเรามี "ที่ปรึกษาทางการเงิน" ซึ่งเป็นทีมขายคุณภาพที่มีใบอนุญาตครบทั้งประกันชีวิต ประกันวินาศภัยและหน่วยลงทุน ช่วยวางแผนทางการเงินให้ลูกค้าได้ครบ ปัจจุบันมีที่ปรึกษาการเงินแล้ว 500 คน และตั้งเป้าจะให้เพิ่มเป็น 1,000 คนในอีก 2 ปีข้างหน้า"
ขณะที่การเติบโตของบริษัทในปีนี้ นายโชน กล่าวว่า ผลงานช่วง 10 เดือนแรก สามารถสร้างเบี้ยปีแรกได้ 9.3 พันล้านบาท เติบโต 30% ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีมากเมื่อเทียบกับตลาดโดยรวมที่เติบโตประมาณ 20% อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวก็อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้บริษัทไปถึงเป้าหมายการเติบโตของปีนี้ที่ตั้งเป้าเบี้ยปีแรกไว้ 1.23 หมื่นล้านบาท
เหตุผลที่อาจจะทำผลงานได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากช่วงครึ่งหลังปี 2556 ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมได้ส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจน ทั้งปัญหาที่กระทบจากภายนอก และปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจนกระทบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ นอกจากนี้ ช่วงปลายปียังมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามากระทบอีกระลอก ทำให้กำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัวอยู่แล้วก็ยิ่งถูกกระทบมากขึ้นตามไป
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทได้ออกสินค้าใหม่ "บีแอลเอ พรีเมียร์ เกน 10/1" ออมเงิน 10 ปี จ่ายเบี้ยครั้งเดียว เพื่อมุ่งตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการหักลดหย่อนภาษีในช่วงโค้งท้ายปี เน้นเรื่องผลประโยชน์เงินคืนปีละ 4% ตลอดสัญญา ถือว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ยังทำยอดขายได้ต่ำกว่าเป้าหมายทั้งตั้งไว้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงปลายปี
ข่าวเด่น