ไอที
Time ชู "Chromecast" ผลิตภัณฑ์แห่งปี 2013


 

 
 
วันเวลาผ่านไปเหมือนโกหก  ปีเก่าผ่านไปและปีใหม่มาเยือนเป็นวัฏจักร สำหรับในรอบ  2013 สื่อชั้นนำต่าง ๆมีการรวบรวมเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในรอบปีไว้ ในแวดวงเทคโนโลยีสารสนเทศ(IT)นั้นนิตยสาร  "TIME"  ซึ่งเป็นนิตยสารข่าวรายสัปดาห์ในสหรัฐในการบริหารงานของบริษัทไทม์วอร์เนอร์  มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์กและจัดพิมพ์ในที่ต่าง ๆ ทั่วโลกนั้นได้รวบรวมผลงานผลิตภัณฑ์ สินค้าไฮเทคในรอบปีนี้ ซึ่งมีการเปิดตัวออกมามากมายและคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์แห่งปี 2013 ไว้ 10 อันดับ ดังนี้
 
อันดับที่ 1 : Chromecast
 
 
 
 
อุปกรณ์จากค่าย Google  ที่เรียกว่า Google Chromecast  ได้รับการจัดลำดับเป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีแห่งปี  2013 จาก Time โดย Google  เปิดตัวอุปกรณ์ชิ้นนี้ในเดือนกรกฎาคม มีขนาดจิ๋วคล้ายแฟลชไดร์ฟหรือ  USB ที่สามารถเปลี่ยนทีวีธรรมดา ๆ ให้กลายเป็น Smart TV ได้ภายในพริบตา เพียงเสียบอุปกรณ์ชิ้นนี้เข้ากับจอโทรทัศน์หรือมอนิเตอร์ที่มีพอร์ต HDMI โดยไม่ต้องใช้รีโมต โดยทำให้ทีวีสามารถรับสัญญาณได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นภาพ วิดีโอหรือเพลงผ่านทางสมาร์ตโฟน  แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์โดยอาศัยเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายWi-Fi  นอกจากนี้ยังรองรับการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นได้ด้วยนอกเหนือจาก Android ไม่ว่าจะเป็น iOS, Mac หรือ Window  
มีสนนราคาอยู่ที่ประมาณ 35 ดอลลาร์สหรัฐ
  
อันดับที่ 2 : iPad Air -iPad mini with Retina Display
 
 
 
 
ผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รุ่น iPad Air -iPad mini with Retina Display ของค่ายแอปเปิลได้รับเลือกให้เป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์สำหรับปีนี้ด้วย ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสองเปิดตัวพร้อมกันในช่วงเดือน ตุลาคมที่ผ่านมาและเริ่มขาย iPad Air ในหลายประเทศนับแต่วันที่  1 พฤศจิกายน  ส่วนในไทยนั้น แอปเปิลได้เปิดขายผลิตภัณฑ์ทั้ง  2 รุ่นใหม่นี้บน Apple Store Online Thailand ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน
iPad Air  หรือ iPad รุ่นที่  5 มีการออกแบบบางเบา หรู แต่ทรงพลังแข็งแกร่ง ถือเป็นแทบเล็ตบางที่สุดในโลก หนาเพียง 7.5 มิลลิเมตร หนักไม่ถึง  500 กรัม จุดเด่นจอภาพ Retina ขนาด  9.7นิ้ว  ให้ความละเอียด 2048 x 1536 และกว่า 3.1 ล้านพิกเซล ทำให้มองเห็นรูปภาพ วิดีโอและตัวอักษรได้คมชัดทุกรายละเอียด
มีWi-Fi ที่แรงกว่าเดิมถึง 2 เท่าด้วยสายอากาศ 2 สาย และเทคโนโลยี MIMO (Multiple-Input Multiple-Output) และด้วย Wi-Fi มาตรฐาน 802.11n ที่เชื่อมต่อได้สองย่านความถี่ (2.4GHz และ 5GHz) และ MIMO  ช่วยยกระดับศักยภาพในการดาวน์โหลดได้ด้วยความเร็วสูงถึง 300Mbps ซึ่งเร็วกว่า iPad รุ่นก่อนถึง 2 เท่า
 
 
 
สำหรับ iPad mini with Retina Display  หน้าจอขนาด  5.3 x7.87 นิ้ว หนักเพียง 331 กรัม มาพร้อมชิพ A7 ใหม่ ระบบไร้สายอันล้ำสมัย และแอพพลิเคชั่นที่ทรงพลังผสมผสานกับระบบปฏิบัติการ iOS 7 ทำอะไรแทบเล็ตรุ่นจิ๋วของแอปเปิลนี้มีคุณสมบัติที่ถอดแบบมาจาก iPad Air ในทุกๆ ด้าน ต่างกันตรงที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก และถือได้ด้วยมือเดียว
 
สนนราคาจากแอปเปิล สโตร์    iPad Air เริ่มต้นที่ 16,900 บาท
ส่วนราคา iPad Mini with Retina Display เริ่มต้นที่  13,400 บาท
  
อันดับ 3 :  Oculus Rift Development Kit
 
 
 
อุปกรณ์สวมศีรษะที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่จะเปลี่ยนมุมมองไปตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ ผลงานพัฒนาของบริษัทOculus VR ในสหรัฐที่มีการระดมทุนผ่านเวบไซต์ สนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ Kickstarter เพื่องานพัฒนานี้ เริ่มพัฒนาในปี  2012 จากนั้นได้นำออกมาโชว์ภายในงาน CES 2013 เพื่อให้ผู้ชมงานได้ทดสอบกัน ซึ่งจะแสดงภาพออกมาเป็น 3 มิติ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกได้เหมือนกับใช้ตาของตัวเองในการมอง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อเนื่องให้สมบูรณ์ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ราวปลายปี  2014 ซึ่งจะช่วยให้ประสบการณ์แปลกใหม่ในการเล่นเกม เหมือนผู้เล่นได้เข้าไปอยู่ในโลกของเกมจริงๆ
 
อันดับที่ 4 : Pebble Smartwatch
 
 
ในปี  2013 มีการเปิดตัว Smartwatch หรือนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะออกมาหลายค่าย แต่ไทม์ชู Pebble Smartwatch ขึ้นมาโดดเด่นเหนือค่ายอื่นและถือกำเนิดมาจากการระดมทุนผ่านเวบไซต์ kickstarter เหมือนกัน  โดยสร้างประวัติการณ์ด้วยการระดมทุนได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนได้สมาร์ทวอชรุ่นนี้มา ซึ่งมีจอแสดงผลแบบ E-ink รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth สามารถใช้ได้ทั้งกับระบบปฏิบัติการ iOS และ Android  มีคุณสมบัติในการแสดงข้อมูลการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, อีเมล์ ฯลฯ โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูแต่อย่างใด หน้าจอแสดงผลตลอดเวลาเหมือนนาฬิกาทั่วไปและกันรอยขีดข่วนได้ 
นอกจากนี้หน้าจอยัง มี backlight สำหรับแสดงหน้าจอในที่มืดและกันน้ำได้ด้วยในระดับหนึ่ง คือ ว่ายน้ำได้ โดนฝนได้ ตกน้ำและเคลือบหน้าปัดเพื่อลดแสงสะท้อนที่รบกวนการมองเห็น
ที่สำคัญ Pebble Smartwatch ยังมีแบตเตอรี่ที่อึดทนนานอยู่ได้สูงสุด 5-7 วันเลยทีเดียว ซึ่งเหนือกว่า Samsung Galaxy Gear และ Sony Smartwatch 2  ด้วย
สนนราคาประมาณ  150 ดอลลาร์สหรัฐ
 
อันดับที่ 5 : iPhone 5s
 
 
ในปี 2013 Apple ยังคงสามารถทำให้สาวกทั่วโลกติดตามความเคลื่อนไหวได้ตลอด โดยอุปกรณ์ที่โดดเด่นของปีนี้นอกจาก iPad ทั้ง  2 รุ่นข้างต้นแล้ว  iPhone 5s ยังติดกลุ่มอุปกรณ์เด่นสำหรับปีนี้ด้วย ซึ่งมาพร้อมกับนวัตกรรม Touch ID หรือระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งระบบการรักษาความปลอดภัยบนสมาร์ทโฟน ซึ่งแอปเปิลพัฒนาขึ้นมาจนได้รับการยอมรับจากผู้ใช้หลายล้านคน  
การใช้งานเพียงวางนิ้วลงบนปุ่มโฮม ก็ช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของปลดล็อค iPhone ได้ทันที สะดวกสบายและปลอดภัยสุดๆ นอกจากนี้ผู้เป็นเจ้าของiPhone ยังสามารถใช้ลายนิ้วมือยืนยันการซื้อใน iTunes Store, App Store หรือ iBook Store ได้โดยไม่จำเป็นต้องใส่รหัสผ่านอีกต่อไป และ Touch ID ยังสามารถอ่านลายนิ้วมือได้ถึง 360 องศา ดังนั้น ไม่ว่าจะหมุนเครื่องในแนวตั้ง แนวนอน หรือเอียง  iPhone ก็ยังสามารถอ่านลายนิ้วมือได้และรู้ว่าคุณเป็นใคร นอกจากนี้ระบบ Touch ID ยังให้ลงทะเบียนลายนิ้วมือได้มากกว่าหนึ่งคน ระบบจึงรู้จักคนที่คุณไว้ใจด้วยเช่นกัน
ส่วนสเปคสำคัญอื่น ๆ รวมไปถึงชิปเซ็ต A7 แบบ 64 บิต ที่ทำให้ iPhone 5s ประมวลผลเป็นอย่างรวดเร็วมากกว่ารุ่นก่อนๆ
  
อันดับที่ 6 : Xbox One
 
 
เครื่องเล่นเกมยุคที่ 3 จากไมโครซอฟท์ คอนโซลยุคใหม่ที่เป็นสัญลักษณ์ของไมโครซอฟต์ยุคใหม่ภายใต้วิสัยทัศน์ One Microsoft ที่บริษัทรวมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยหลายๆ ฝ่ายของไมโครซอฟท์มาร่วมกันทำ แกนของระบบปฏิบัติการมาจาก Windows 8 และรันอยู่บนแพลตฟอร์ม Hyper-V
นอกจากสนับสนุนการเล่นเกมด้วยคอนโทรลเลอร์แล้ว ยังมีอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวอย่าง Kinect รุ่นใหม่ ที่ทำให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมๆ แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือ การเป็นศูนย์รวมความบันเทิงเพื่อความสุขภายในครอบครัว
 
อันดับที่ 7 : Kindle Fire HDX
 
 
 
 
แท็บเล็ตขนาด 8.9 นิ้วจาก Amazon ซึ่งได้รับการยกย่องว่าคุณภาพหน้าจอเหนือว่า iPad Air ของค่ายแอปเปิล โดยอะเมซอนเพิ่งออกโฆษณาชนกับ iPad Air โดยชี้ให้เห็นถึงความเหนือกว่าทั้งในด้านความละเอียดของหน้าจอที่มากกว่า ที่ 2560x1600 พิกเซล ซึ่งทำให้แสดงผลได้คมชัดกว่าเพราะหน้าจอเล็กกว่า และยังเบากว่า iPad Air ถึง 20% โดยตัวเครื่องบางเพียง 7.8 มม. (บางกว่ารุ่นเดิม 1 มม.) มีกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลความเร็ว 2.2 GHz แบบ quad-core ชิปเซ็ต Snapdragon 800, แรมขนาด 2GB, หน่วยประมวลผลกราฟิก quad-core Adreno 330 ตัวเครื่องมีความจุ 16 GB, 32 GB และ 64 GB (ไม่รองรับความจำภายนอก)
ราคาเริ่มต้น 379   ดอลลาร์สหรัฐ 
 
 
อันดับที่ 8 : Nest Protect
 
 
อุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับการคัดเลือกอีกอย่างสำหรับปีนี้ ได้แก่ Nest Protect ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตรวจจับควันอัจฉริยะ รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ผลงานพัฒนาของบริษัท Nest Labs ในสหรัฐ
 
ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่สามารถนำมาใช้งานภายในบ้านและสามารถควบคุมการทำงานผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน โดยสามารถตรวจสอบควันต่างๆ ภายในบ้าน ทั้งก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ควันบุหรี่และควันไฟและส่งข้อมูลแจ้งเตือนระยะไกลไปยังสมาร์ทโฟนได้หากตรวจพบความผิดปกติ
 
สนนราคาประมาณ 80 ดอลลาร์สหรัฐ
 
อันดับที่ 9 : Leap Motion
 
 
โดยปรกติการใช้งานคอมพิวเตอร์ เรามักควบคุมผ่านเมาส์และคีย์บอร์ด แต่เวลานี้มีอุปกรณ์ที่มาช่วยให้เราสามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวที่เรียกว่า Leap Motion ชื่อเดียวกับบริษัท Leap Motion ผู้พัฒนาสัญชาติสหรัฐ โดยเป็นอุปกรณ์ที่สามารถตรวจจับวัสดุทรงแท่งแบบ 3 มิติ ไม่ว่าจะเป็นนิ้วมือของเราเอง ปากกา หรือตะเกียบก็สามารถทำได้ ด้วยความแม่นยำระดับ 0.01 มิลลิเมตร ทำให้เราควบคุมคอมพิวเตอร์โดยการขยับท่าทางมือบนอากาศและไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับเมาส์หรือคีย์บอร์ดแต่อย่างใด
หลักการทำงานของอุปกรณ์ชิ้นนี้จะคล้ายๆ กับ Kinect ของเครื่องเกมคอนโซลของไมโครซอฟต์ เพียงแต่ Leap Motion มีระยะการทำงานที่น้อยกว่า โดยอยู่ที่ระยะไม่เกิน 50 เซนติเมตร
สนนราคาประมาณ 79.99  ดอลลาร์สหรัฐ
 
อันดับที่ 10 : Nokia  Lumia 1020
 
 
โนเกีย ค่ายผู้ผลิตมือถือยักษ์ใหญ่ของฟินแลนด์พยายามสร้างความโดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ประเภทสมาร์ทโฟนของตัวเอง หลังจากทิ้งห่างค่ายมือถืออย่างแอปเปิลและซัมซุงอยู่หลายขุม โดยในปี 2013 นี้ได้เข็น Nokia  Lumia 1020 ออกมากู้ภาพลักษณ์ที่เคยเป็นผู้นำในการผลิตมือถือของโลกมาก่อน ซึ่งNokia Lumia 1020 เป็นสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ที่มาพร้อมกล้องความละเอียด 41 ล้านพิกเซล
นับเป็นกล้องสมาร์ทโฟนที่มีความสูงที่สุดในตลาด ณ ปี 2013 เลยทีเดียว
 
 
 
 
  
 
 
 
 

LastUpdate 23/12/2556 14:39:34 โดย : Admin
29-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 29, 2024, 9:44 am