กองทุนรวม
บลจ.กสิกรไทย ตั้งเป้าปี 57 เอยูเอ็มโตทะลุ 1 ล้านล้านบาท เป็น บลจ.แรกครองบัลลังก์ อันดับ 1 ต่อพร้อมโชว์ฟอร์มขึ้นแท่นผู้นำตลาดกองทุนต่างประเทศ


 

 
บลจ.กสิกรไทย หวังดันเอยูเอ็มปี 2557 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท พร้อมขึ้นแท่นผู้นำตลาดกองทุนต่างประเทศ เชื่อมั่นอุตสาหกรรมกองทุนโตต่อเนื่องจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกและความรู้ความเข้าใจของผู้ลงทุน หลังโชว์ผลการดำเนินงานปี 2556 ได้ดีรักษาตำแหน่งผู้นำธุรกิจจัดการกองทุน ทั้ง 3 ประเภทไว้ได้ คือกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คาดการณ์สิ้นปี 2556 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมประมาณ 930,000 ล้านบาท 

 
 
 
 
 
นายจงรัก  รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในธุรกิจจัดการกองทุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 พร้อมวางเป้าหมายปี 2557 ด้วยการเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแห่งแรกในประเทศที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่าปี 2557 อุตสาหกรรมจัดการกองทุนจะยังคงเติบโตได้อีก เนื่องจากผู้ลงทุนในวงกว้างเริ่มมีความเข้าใจในการลงทุนที่ดีขึ้น อีกทั้งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่แม้ว่าจะมีความเปราะบางอยู่บ้างแต่ก็ส่งสัญญาณในทางบวกมากขึ้น ซึ่ง บลจ.กสิกรไทย ได้คัดสรรจากสินทรัพย์การลงทุนที่น่าสนใจจากทั่วโลกมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย เพื่อเตรียมพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ลงทุน 

จึงมั่นใจว่าแนวโน้มการลงทุนในกองทุน FIF จะเป็นไปได้ดียิ่งขึ้นในปี 2557 จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการเงินผ่อนคลายเชิงปริมาณอย่างมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือความไม่แน่นอนของช่วงเวลาการไถ่ถอน QE ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะทยอยเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีความมั่นคง รวมถึงการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอย จะส่งผลดีกับเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค และช่วยชดเชยกับเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง 

 
 
 
 
นายจงรัก กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการบริหารกองทุนต่างประเทศ (FIF) ทั้งกองทุนเดิมและกองทุนใหม่ที่เสนอขายครั้งแรกในปี 2556 ซึ่งได้แก่กองทุน K-USXNDQ (กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100) K-EUROPE (กองทุนเปิดเค ยุโรเปียนหุ้นทุน) K-ASIA (กองทุนเปิดเค  เอเชียนสมอลเลอร์ หุ้นทุน )  ก็ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีตลอดปี 2556 ทำให้บริษัทสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวม 40,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36% ของกองทุน FIF ในอุตสาหกรรม  ในขณะที่ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน FIF ในเกือบทุกประเภท เช่น กองทุนหุ้นจีน กองทุนหุ้นสหรัฐฯ กองทุนผสม กองทุนตลาดเกิดใหม่เป็นต้น ยังติดอันดับ 1 ใน 3 กองทุนที่มีผลการดำเนินงานสูงที่สุดอีกด้วย (ณ 13 ธ.ค. 2556)

ขณะที่การลงทุนในประเทศก็ยังมีความน่าสนใจแม้จะมีความผันผวนสูงกว่าการลงทุนในต่างประเทศ โดยคาดว่าปี 2557 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวไปอยู่ที่ร้อยละ 4-5 จากร้อยละ 2.6-3.0 โดยมีตัวแปรสำคัญคือสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการเดินหน้าแผนการลงทุนภาครัฐขนาดใหญ่ ทำให้ บลจ.กสิกรไทยยังคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังคงเติบโตได้ดีจากการบริโภคในประเทศ ซึ่งกลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ ส่งออก สินค้าโภคภัณฑ์ และ อสังหาริมทรัพย์ โดย บลจ.กสิกรไทย มองเป้าหมาย ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2557 ที่ระดับ 1,520 จุด 

นอกจากนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว ด้านกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทย จะยังคงรักษา พอร์ตโฟลิโอ ดูเรชัน (Portfolio Duration) ที่ระดับปานกลางเพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่อยู่ในลักษณะผ่อนคลาย โดยที่ยังคงเน้นการลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้ามาลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศ และจะทยอยเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ธนาคาร โดยเฉพาะสถาบันการเงินภาครัฐที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ยังคงให้โอกาสรับผลตอบแทนดี

 
 
 
 
 
“การเป็นผู้นำในธุรกิจจัดการกองทุนของ บลจ.กสิกรไทย นั้น ช่วยเพิ่มอำนาจในการเข้าถึงตราสารที่มีคุณภาพ แหล่งข้อมูลที่หลากหลาย รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ และเพิ่มอำนาจการต่อรองกับคู่ค้าและผู้ออกตราสาร พร้อมทีมจัดการกองทุนขนาดใหญ่ ซึ่งมีประสบการณ์และความรู้ความสามารถตามมาตรฐานสากล ทำให้มีความได้เปรียบในการหาโอกาสลงทุนทุกช่วงเศรษฐกิจ รวมถึงมีกองทุนที่หลากหลายนโยบาย และกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างเหมาะสม โดยยึดมั่นจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจอย่างเคร่งครัด ”นายจงรักกล่าว

อย่างไรก็ตาม การสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องผ่านบริการของ K-Expert ที่มีการประสานงานกับธนาคารกสิกรไทย เพื่อพัฒนาบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุนได้ตรงจุดเพิ่มขึ้น อาทิ บริการ K-Cyber Invest  ซึ่งในปี 2556 มียอดผู้สมัครใช้บริการมากกว่า 90,000 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึง 19% จากปี 2555 และสามารถนำเสนอบริการใหม่ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนได้ตรงจุด  เช่น การเปิดให้ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการซื้อ LTF-RMF บนเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถยื่นภาษีได้เร็วขึ้น
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ธ.ค. 2556 เวลา : 09:20:44
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 2:45 am