ตลาดหลักทรัพย์ฯเปิดแผน 3 ปียกระดับสู่ตลาดอาเซียน พร้อมผลักดันตลาดทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืนใน 3 ปีข้างหน้า (ปี 2557-2559) โดยปี 2557 จะมุ่งขยายฐานบริษัทจดทะเบียนและผู้ลงทุนอย่างมีคุณภาพ และพร้อมเป็นผู้เชื่อมโอกาสการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS)
ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงเป้าหมายและกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระยะ 3 ปีข้างหน้า (2557-2559) ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมุ่ง “ผลักดันตลาดทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืน" โดยในปี 2557 จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพบริษัทจดทะเบียน ผู้ลงทุนบุคคล สถาบันตัวกลาง ผลิตภัณฑ์และบริการ และพร้อมเป็นผู้สานโอกาสทางการเงินในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมุ่งส่งเสริมระบบโครงสร้างพื้นฐานให้มีประสิทธิภาพและเชื่อมโยงกับตลาดทุนโลก ตามวิสัยทัศน์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มุ่งสร้างความเป็นเลิศในการตอบสนองโอกาสทางการเงินแก่ธุรกิจ และผู้ลงทุน
“เพื่อสร้างเสถียรภาพและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมมาตรการปฏิรูปตลาดทุนใน 4 เรื่อง ได้แก่ 1. การยกระดับความรู้พื้นฐานทางการเงินในทุกระดับ 2. การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ให้เข้าถึงได้ง่าย และมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น 3. การสร้างธุรกิจตราสารทางการเงินที่อ้างอิงทองคำแท่ง และ 4. การพัฒนาเครื่องมือบริหารความเสี่ยงราคาสินค้าเกษตร โดยศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการผลักดันให้ภาครัฐใช้ตราสารอนุพันธ์ เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงของราคาสินค้าเกษตร” ดร.สถิตย์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2556 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประสบความสำเร็จ โดดเด่นเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียนในเรื่องที่สำคัญ ดังนี้ 1. มูลค่าซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันปรับเพิ่มเป็นประมาณ 5.1 หมื่นล้านบาท (หรือประมาณ 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ) สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนและสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2. มูลค่าตลาดรวมของหุ้น IPOอยู่ที่ประมาณ 3.4 แสนล้านบาท ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดดำเนินการ และมีหุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF เป็นหุ้น IPO ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน 3. MSCI เพิ่ม 5 หลักทรัพย์ไทยในการคำนวณดัชนีของ MSCI Global Standard Indices ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนหลักทรัพย์ที่มากที่สุดในเอเชีย 4. มี 3 บริษัทจดทะเบียนไทยเป็นองค์ประกอบในดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI) มากที่สุดในอาเซียน และ 5. บริษัทจดทะเบียนไทยยังมีคะแนน ASEAN CG Scorecard สูงสุดในภูมิภาคอีกด้วย
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2557 จะเป็นอีกปีหนึ่งที่มีความท้าทายในการดำเนินงานเนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งในและนอกประเทศ การขยายฐานบริษัทจดทะเบียนและผู้ลงทุนจึงมุ่งเน้นในเชิงคุณภาพ รวมถึงการสร้างความเข้มแข็งกับสถาบันตัวกลางให้เติบโตและสำเร็จไปด้วยกัน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ และระบบการซื้อขายให้สามารถตอบสนองผู้ลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ผลจากการทำงานที่มุ่งมั่นตลอดปี 2556 เพื่อผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดหุ้นชั้นนำของภูมิภาค ทำให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นเฉลี่ยต่อวันสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกันยังสามารถเพิ่มสินค้าใหม่ในตลาดด้วยการจดทะเบียนของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ อาทิ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมสูงกว่า 6 หมื่นล้านบาท และการจดทะเบียนของบริษัทโฮลดิ้ง ที่มีการลงทุนในกลุ่ม GMS เข้ามาได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความน่าสนใจให้ตลาดทุนไทยได้อย่างมีศักยภาพ" นายจรัมพร กล่าว
สำหรับปี 2557 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าตลาดรวมจากหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ (IPO) รวม 2.1 แสนล้านบาท และมูลค่าระดมทุนเพิ่มในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก 1.8 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ยังคาดว่าปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอยู่ที่ 75,000 สัญญา และจะเพิ่มจำนวนบัญชีในการซื้อขายตราสารอนุพันธ์อีก 15,000 บัญชี ขณะที่จะขยายผู้ลงทุนใหม่ในตลาดหุ้นอีก 80,000 ราย
สำหรับแผนการขยายฐานสู่ระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ GMS ได้แก่ ประเทศกัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนามนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งเห็นว่า ภูมิภาคดังกล่าวมีการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีความต้องการระดมทุนสูง ซึ่งนอกจากการเปิดช่องทางการเข้าจดทะเบียนของบริษัทโฮลดิ้งแล้ว ยังมีแผนจะสร้างกฎเกณฑ์เพื่อรองรับรูปแบบการระดมทุนที่หลากหลาย ได้แก่ กองทุนโครงสร้างพื้นฐานและการจดทะเบียนของบริษัทต่างชาติในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น
ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเดินหน้าพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง โดยพร้อมให้บริการระบบการซื้อขายใหม่สำหรับตราสารอนุพันธ์ภายในกลางปี 2557 นี้ ซึ่งจะให้อยู่บน platform เดียวกันกับระบบซื้อขายหุ้น SET CONNECT เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้ผู้ลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อขาย strategic trading ระหว่างตลาดหุ้นและตลาดอนุพันธ์ได้ในคราวเดียวกัน พร้อมกับเปิดให้บริการระบบชำระราคาใหม่ ที่เป็นระบบมาตรฐานสากลและสนับสนุนการซื้อขาย multi-currency และ multi-market ด้วย
ข่าวเด่น