ไนท์แฟรงค์ชี้ต้นทุนราคาที่ดินพุ่ง 20% ส่งผลมนุษย์เงินเดือนซื้อบ้านยากขึ้น คาดธุรกิจอสังหาฯปีหน้าเติบโตลดลง

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีหน้าจะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อหรืออยู่ในภาวะกำลังซื้อลดลง จากรายได้ของมนุษย์เงินเดือนขยับขึ้นน้อยกว่าราคาที่อยู่อาศัย ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วประมาณ 15% เนื่องจากต้นทุนราคาที่ดินในเขตกรุงเทพเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่ดินเกาะแนวรถไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 30% ขณะที่รายได้ผู้บริโภคในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมากลับขยับไม่มาก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างจะปรับขึ้นอีก 5-7% ในปีหน้า ยิ่งทำให้ราคาที่อยู่อาศัยต้องปรับตัวสูงขึ้น
 
ปัจจุบันคอนโดมิเนียมบางโครงการในย่านรัชดาภิเษก ราคาอยู่ที่ 1.2 แสนบาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นจาก 4-5 ปีก่อนที่ราคา 7-8 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ส่งผลให้คอนโดมิเนียมระดับกลางล่าง ที่ผู้ประกอบการต้องการตั้งขายราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ต้องลดขนาดพื้นที่ลงเหลือ 26-27 ตารางเมตร จากเดิมที่มีขนาดพื้นที่ 35 ตารางเมตร
 
“ปีหน้าธุรกิจอสังหามีโอกาสเติบโตในอัตราที่ลดลง จากปัจจัยต้นทุนทุกด้านปรับตัวสูง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง เพราะความสามารถทางการเงินของผู้ซื้อปรับขึ้นในอัตราต่ำกว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ และต่อให้ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ก็เชื่อว่าผู้บริโภคจะได้ปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นในอัตราใกล้เคียงเงินเฟ้อบวกลบ 2% เท่านั้น” นายพนม กล่าว
 
จากสถานการณ์ดังกล่าว คาดว่าปีหน้าผู้ประกอบการจะไม่ลงทุนเปิดโครงการที่อยู่อาศัยมากนักเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมใกล้เมืองจะมีปริมาณน้อยลง ยกเว้นทำเลห่างเมืองที่เสนอราคาขายต่ำอาจมีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่ผู้ประกอบการจะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ควรวิจัยความต้องการของตลาดให้ดี พิจารณาปริมาณซัพพลายและดีมานด์ของผู้บริโภคอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาการขาย