โตเกียวมารีนฯ ฟันธงปีหน้า ล้างหนี้แบงก์เกลี้ยง หลังกู้มาสำรองจ่ายสินไหมร่วม 1.3 หมื่นล้าน มั่นใจเดินหน้าธุรกิจมีกำไรปกติ กวาดเบี้ยเข้าเป้า 7.8 พันล้าน โต 8%
นายกรกฤต คำเรืองฤทธิ์ กรรมการบริหาร บมจ.โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากเหตุน้ำท่่วมใหญ่ในปี 2554 ซึ่งบริษัทต้องเผชิญการเรียกร้องสินไหมรวมประมาณ 8 หมื่นล้านบาทนั้น ในระหว่างที่เรียกสินไหมจากรีอินชัวเรอร์ (ผู้รับประกันภัยต่อ) ยังไม่เรียบร้อยนั้น ทางบริษัทได้ตัดสินใจกู้ยืมเงินจากธนาคารในวงเงินประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อมาสำรองจ่ายสินไหม
ล่าสุดได้ทยอยชำระคืนไปมากพอสมควร จนปัจจุบันเหลือคงค้างน้อยกว่า 5 พันล้านบาท และเชื่อมั่นว่าภายในปีหน้าจะสามารถชำระคืนเงินกู้ทั้งหมดได้ เนื่องจากบริษัทสามารถกลับมาทำธุรกิจและสามารถกำไรเหมือนในภาวะปกติแล้ว รวมถึงการเรียกสินไหมจากประกันภัยต่อก็จะได้รับคืนกลับมาเพิ่มเติมจากด้วย จึงน่าจะปิดรายการนี้ได้เรียบร้อย
"ที่ผ่านมาเรามองว่าการดูแลลูกค้าเป็นหน้าที่สำคัญของเรา ต้องให้ความสำคัญก่อน ส่วนการเรียกร้องสินไหมกับรีอินชัวเรอร์เป็นเรื่องการจัดการภายในของเราที่จะต้องไปจัดการให้เอง ไม่อาจนำมาเป็นเงื่อนไขที่จะชะลอการจ่ายสินไหมแก่ลูกค้าได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มโตเกียวมารีนที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเราที่รับประกันภัยต่อไว้บางส่วนเช่นกัน ก็จะส่งเงินสินไหมเข้ามาก่อนจะถึงดีลต้องจ่ายลูกค้าด้วย"
เขากล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทได้ทยอยจ่ายสินไหมแก่ลูกค้าไปแล้วประมาณ 96% ส่วนที่เหลือยังติดเรื่องเงื่อนไขการเรียกร้องสินไหม โดยเฉพาะกรณีลูกค้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งทำประกันภัยครอบคลุมถึงการสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่มาทดแทน จึงต้องสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่และติดตั้งเรียบร้อยก่อน จึงจะสามารถประเมินมูลค่าสินไหมได้เสร็จเรียบร้อย แต่ก็ถือว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อบริษัทแล้ว เพราะอยู่ภายใต้การตั้งสำรองสินไหมที่ตั้งไว้ก่อนแล้ว
สำหรับธุรกิจที่เกิดขึ้นในปีนี้ นายกรกฤต กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นจังหวะที่ธุรกิจกลับมาสู่ภาวะปกติแล้ว โดยมีเบี้ยประกันเติบโตขึ้นตามเป้าหมายประมาณ 8% หรือคิดเป็นมูลค่าเบี้ยประมาณ 7.7-7.8 พันล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทค่อนข้างประสบความสำเร็จในการเข้าไปรุกขยายตลาดผ่านช่องทางธุรกิจใหม่ๆ ได้ดีขึ้น
โดยเฉพาะความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจอย่างโตโยต้าที่ทำสัญญากันมาตั้งแต่ปลายปี 2554 แต่ที่ผ่านมายังติดปัญหาเรื่องสินไหมน้ำท่วม และอยู่ในระยะพัฒนาโครงการร่วมกันอยู่ จนกระทั่งปีนี้เริ่มเข้ามาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง มีเบี้ยประกันภัยรถยนต์เข้ามาพอสมควรจากโครงการนี้ประมาณ 100 ล้านบาท และเชื่อว่าปีหน้าจะมีน้ำหนักกับการเติบโตเพิ่มมากขึ้น
ข่าวเด่น