ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดศักราชปี 2557 เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา “ร่วงหนัก 67.94 จุด” จากกองทุน LTF พบสถาบันในประเทศขาย 3.6 พันล้านบาท ตลท.รับ 3 ปัจจัยฉุดหุ้นไทย บาทอ่อนค่า ,เศรษฐกิจถดถอย,การเมือง ย้ำนักลงทุนอย่าตกใจ

นายจรัมพร  โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า  3 ปัจจัยที่ส่งผลให้นักลงทุนขายตลาดหุ้นไทย คือ 1.แนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายหรือฟันด์โฟลว์ ไหลออก 2.สัญญาณเศรษฐกิจในประเทศไทยเริ่มชะลอตัวลง และ 3. ปัจจัยการเมือง จึงส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยปรับลดลงแรง 67.94 จุด ในวันแรกของปี 2557 ปิดที่ 1230.77 จุด

อย่างไรก็ตามการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงประมาณ 5 % เมื่อวันที่ 2 มกราคมทำให้ทางตลท.ได้รายงานสถานการณ์ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ,รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ,รวมถึงเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) แล้ว ซึ่งยังไม่มีมาตรการเพิ่มเติมเป็นพิเศษ และยังเชื่อมั่นว่า แม้ว่าในวันที่ 13 มกราคมที่จะถึงนี้จะมีเหตุการณ์ทางการเมือง ตลท.ก็ยังพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนอย่างเต็มที่ รวมถึงระบบการให้บริการและความระมัดระวังให้ใกล้เคียงกับของทางธนาคารพาณิชย์ แน่นอน

นอกจากนี้นักลงทุนก็ไม่ควรตื่นตกใจมากนักต่อสถานการณ์ดังกล่าว และควรหันกลับมาพิจารณาต่อมูลค่าหุ้นที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐานด้วยว่าราคาที่ปรับลดลงมานั้นยังเป็นโอกาสขายต่อหรือว่าเป็นโอกาสลงทุนเพิ่ม

ด้านนายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงแรงตามปัจจัยทางการเมืองที่ยืดเยื้อข้ามปี และยังมีสัญญาณจากปัจจัยการเมืองที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นในวันที่ 13 มกราคมนี้ ทำให้นักลงทุนยังต้องติดตามการชุมนุมใหญ่ของแกนนำกลุ่ม กปปส.  ซึ่งความเคลื่อนไหวของแกนนำดังกล่าวมีโอกาสสูงที่จะส่งผลให้การเลือกตั้งล่าช้าออกไปอีก รวมถึงการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ,กลุ่มสื่อสาร ประกอบกับการครบกำหนดขายกองทุน LTF ออกมาบางส่วนอีกด้วย

สำหรับแนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันที่ 3 มกราคมนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลง เนื่องจากสถิติที่ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยหากปิดปรับตัวลดลงมากกว่า 40 จุด วันถัดไปดัชนีมีโอกาสลงต่อ

อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/2556 ดี และให้ปันผลดี เช่น BEC และ BTS เป็นต้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีน้ำหนักต่อตลาดฯในช่วงนี้ ต้องติดตามในอีก1-2 สัปดาห์ข้างหน้าเกี่ยวกับการพิจารณามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือQE ดังนั้นด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้รอเข้าซื้อโดยประเมินแนวรับที่ 1,230 จุด และแนวต้านที่ 1,268 จุด แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,275 จุด

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล..ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนะนำนักลงทุนให้ปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นไทย หากสามารถทำได้ให้หันไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นถึง 90 % เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรก ยังมีโอกาสลงต่อ และปีนี้ยังมีโอกาส Underperform  ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา หลังจากเป็นตลาดกระทิงติดต่อกันถึง 4 ปี

พร้อมกันนี้ยังประเมินทิศทางของฟันด์โฟลว์ว่า จะไหลกลับมาตลาดหุ้นไทยได้จะต้องมีความคืบหน้าถึงทางออกในระยะสั้นของปัจจัยการเมือง อาทิเช่น การเดินหน้าปฏิรูปประเทศ หรือการมีผู้ชนะ เป็นต้น