กสิกรไทยรับการเมืองกระทบเศรษฐกิจ-ปล่อยกู้ ปรับเป้าประเดิมต้นปีม้า เชื่อสินเชื่อโตได้ 9% พร้อมหั่นคาดการณ์จีดีพีเหลือ 3.7% หันเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียม-บริการ ปูทางรุกตลาดภูธรล้อเทรนด์เออีซี
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินทิศทางการขยายตัวของสินเชื่อในปี 2557 ว่าน่าจะขยายตัวได้ประมาณ 9% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นกรอบล่างสุดของเป้าหมายที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะขยายสินเชื่อได้ในกรอบ 9-11% เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การทบทวนเป้าหมายการเติบโตดังกล่าว เป็นผลจากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2557 เห็นว่า ปัจจัยปัญหาการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีทางออกที่ลงตัว น่าจะกดดันให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ไม่ได้ดีมากนัก คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวประมาณ 3.6-3.7% เท่านั้น ซึ่งลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ 4.5%
" เรามองว่า ปัจจัยด้านการเมืองจะเป็นตัวแปรสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ เพราะมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงแผนการลงทุนของรัฐและความเชื่อมั่นของเอกชนที่จะตัดสินใจลงทุน ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลกระทบต่อค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องและผันผวน ยิ่งกว่านั้น หากสถานการณ์ทางการเมืองลากยาว เช่นไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในไตรมาส 2 ประเมินว่าเศรษฐกิจน่าจะเหลือขยายตัวเพียง 2-2.5% เท่านั้น"
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกเดียวที่จะพยุงเศรษฐกิจไทยปี 2557 น่าจะอยู่ที่ภาคการส่งออก ซึ่งน่าจะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจใหญ่ทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน เนื่องจากจะมีดีมานด์สินค้าและการบริโภคเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสของภาคส่งออกของไทย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่พึ่งพาวัตถุดิบในประเทศ
สถานการณ์นี้ นายธีรนันท์ประเมินว่า ภาคส่งออกน่าจะเป็นความหวังเดียวที่จะพยุงเศรษฐกิจไทยเอาไว้ได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าปัญหาการเมืองจะไม่รุนแรงและสามารถจบได้เร็ว ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจภาคบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่เป็นอีกหนึ่งรายได้สำคัญของไทย สามารถเติบโตได้ดีเช่นกัน จึงน่าจะทำให้ธนาคารเติบโตได้ตามเป้าหมาย 9% ดังกล่าวได้
แม้สินเชื่ออาจจะขยายตัวไม่มากนัก แต่เป้าหมายของธนาคารยังมองว่า น่าจะสามารถสร้างรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 10% ขึ้นไป ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการด้านธุรกรรมการเงินที่ยังมีทิศทางเติบโตได้ดี ซึ่งคาดว่า ปีนี้จะเติบโตได้ราว 10-15% ก็จะส่งผลให้รายได้รวมเป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว
กลยุทธ์สำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโตนี้ นายธีรนันท์ อธิบายว่า ธนาคารยังคงเน้นการนำเสนอสินค้าทางการเงินที่ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และมีสินค้าที่หลากหลายไว้บริการได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ทั้งด้านประกันภัย กองทุน บริการผ่านดิจิตอลแบงกิ้ง และระบบเอทีเอ็ม
นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้าเติบโตในตลาดต่างจังหวัดเช่นกัน หลังจากได้เริ่มนำร่องขยายตลาดเหล่านี้มาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้อัตราการขยายตัวของธุรกิจในต่างจังหวัดสามารถเติบโตได้ถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับอัตราเติบโตของเขตกรุงเทพฯ และยังเป็นพื้นที่ที่ไม่ถูกกระทบจากปัจจัยการเมือง จึงค่อนข้างมีโอกาสเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ทั้งยังรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อีกด้วย
ส่วนแผนการขยายธุรกิจระหว่างประเทศนั้น นายธีรนันท์ ยอมรับว่า กลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นน่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมากขึ้น หลังจากเห็นกลุ่มทุนญี่ปุ่นที่ตัดสินใจทุ่มเงินลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นในธนาคารพาณิชย์ของไทย ซึ่งธนาคารกสิกรไทยพยายามเข้าไปจับตลาดนี้ด้วยโมเดลการจับมือพันธมิตรกับธนาคารในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่มีจำนวนมาก และเป็นโมเดลที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ
ขณะที่การขยายธุรกิจออกไปนอกประเทศ ในปีนี้ธนาคารอาจจะเปิดสาขาเพิ่มในจีนอีก 1 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 3 สาขาในจีน และอีก 1 สาขาในฮ่องกง ส่วนกลุ่มประเทศในอาเซียน ก็สนใจจะเข้าไปลงทุนในประเทศลาว และกัมพูชาเพิ่มเติม เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าด้วยเช่นกัน
ข่าวเด่น