ซีพีออลล์ ตั้งบริษัททเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง รองรับธุรกิจเซเว่นแคตตาล็อกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในฐานะตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายย่อย หรือเอสเอ็มอี
หลังจากเปิดตัวธุรกิจเซเว่นแคตตาล็อกมาพักใหญ่ เพื่อเป็นตัวแทนในการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายย่อย หรือเอสเอ็มอี ด้วยการนำสินค้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางนิตยสารเซเว่นแคตตาล็อก ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น คอลเซ็นเตอร์ และเว็บไซต์ จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากจำนวนสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้ขนาดธุรกิจของเซเว่นแคตตาล็อกมีขนาดใหญ่ตามขึ้นไปด้วย บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) จึงต้องปรับแผนการดำเนินธุรกิจเซเว่นแคตตาล็อกให้มีความชัดเจนมากขึ้น ด้วยการตั้งบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด เข้ามาดูแลธุรกิจดังกล่าวภายใต้ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท หลังจากก่อนหน้านี้ธุรกิจเซเว่นแคตตาล็อกเป็นเพียงหนึ่งในหน่วยธุรกิจของบริษัท ซีพีออลล์ เท่านั้น
จากการตั้งบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง มาดูแลหน่วยธุรกิจเซเว่นแคตตาล็อค ซึ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ก.พ.นี้ ชื่อของเซเว่นแคตตาล็อกหลังวันที่ 2 ก.พ.จะเหลือเพียงนิตยสารเซเว่นแคตตาล็อกเท่านั้น เนื่องจากบริษัทซีพีออลล์ ต้องการให้การดำเนินธุรกิจของหน่วยธุรกิจดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการรองรับการขยายตัวของธุรกิจดังกล่าวในอนาคต ซึ่งจะเน้นไปในเรื่องของอีคอมเมิร์ซ และออนไลน์มากขึ้น
นายอำพา ยงพิศาลภพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด บริษัทใหม่ในกลุ่ม ซีพี ออลล์ ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กล่าวว่า การเปิดตัวบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง เข้ามาดูแลธุรกิจเซเว่นแคตตาล็อก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งเป็นการพัฒนาการทำธุรกิจจากหน่วยงาน เซเว่นแคตตาล็อก มาเป็นการบริหารจัดการในรูปแบบบริษัทภายใต้ชื่อ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด
สำหรับหน้าที่การดำเนินธุรกิจของบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้งนั้น บริษัทซีพีออลล์ มอบหน้าที่ให้บริการ สั่งจอง และจัดจำหน่ายสินค้าที่มีมากกว่า 5,000 รายการ โดยมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั้งหมด 5 ช่องทาง ประกอบด้วย 1.จำหน่ายสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น (Catalog on shelf) 2.จำหน่ายผ่านนิตยสารเซเว่นแคตตาล็อกที่หลากหลายรูปแบบ สอดคล้องกับลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมาย(Catalog on book), 3.การสั่งสินค้าผ่านศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลข 02-711-7666 (Call Center 02-711-7666) 4.จำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ 4 เว็บไซต์ ได้แก่ www.7Catalog.com, www.Shopat7.com, www.amuletat7.com และ www.booksmile.com
ส่วนช่องทางที่ 5. จะเป็นบริการพิเศษในการเป็นศูนย์กลางการรับส่ง รับจอง และส่งมอบสินค้าพิเศษ เช่น ของที่ระลึก ของกำนัล และของพรีมี่ยมต่างๆ ให้กับหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการเงิน ที่ต้องการส่งมอบสินค้าพิเศษดังกล่าวให้ลูกค้าหรือสมาชิกทั่วประเทศ ซึ่งลูกค้าสามารถสั่ง-จองและรับสินค้าพิเศษได้ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง นับว่าเป็นนวัตกรรมในการให้บริการความสะดวกรูปแบบใหม่ในเมืองไทย
นอกจากนี้ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ยังมีนโยบายสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีด้วยการเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้า ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำสินค้ามาจำหน่ายผ่านเซเว่นแคตตาล็อกมากกว่า 100 ราย รวมเป็นสินค้ากว่า 2,000 รายการ โดยได้ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสินค้าขึ้นเป็น 30% ภายในปี 2557 พร้อมทั้งยังได้วางแผนงานเพื่อรองรับการขยายงานและการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาการจัดส่งในรูปแบบของ Store Hub คือ การให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถนำสินค้ามาเก็บไว้ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อพักสินค้าชั่วคราวก่อนที่รถขนส่งจากศูนย์กระจายสินค้าส่วนกลางของเซเว่นแคตตาล็อกจะมารับไปส่งต่ออีกทอดหนึ่ง
การเพิ่มบริการดังกล่าว ถือเป็นการช่วยลดภาระค่าขนส่งให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และช่วยให้สินค้าคงความสดใหม่และมีคุณภาพดีอยู่เสมอ เนื่องจากแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าเอสเอ็มอีที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ มีจุดเด่น ที่มีความแตกต่าง และมีคุณภาพดี นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในช่องทางของบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมส่งเสริมผู้ประกอบการสินค้าเอสเอ็มอี
ในอนาคตบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จะมุ่งเน้นพัฒนาการสั่งซื้อสินค้าด้วยระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร, พัฒนาระบบคอลเซ็นเตอร์ ให้สามารถรองรับการจำหน่ายสินค้าผ่านหลายช่องทาง, พัฒนาสินค้านวัตกรรมร่วมกับผู้ประกอบการและส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาด, เพิ่มคลังสินค้า เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมี 2 แห่ง ได้แก่ บางบัวทองและชลบุรี พร้อมทั้งคิดค้นระบบการลดระยะเวลาการจัดส่งสินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น
นายอำพา กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการการศึกษา ทำเลใน 2 จังหวัด คือ ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี เพื่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งรูปแบบของศูนย์กระจายสินค้าบริษัทจะใช้วิธีการเช่าพื้นที่แทนการซื้อ เพื่อลดต้นทุนในการลงทุน โดยเร็วๆนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องของทำเล ขนาดพื้นที่ และงบประมาณที่ใช้ในการลงทุน ซึ่งจากการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาให้บริการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับบริษัทมีแผนที่จะสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
แผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าวนอกจากจะรองรับการขยายตัวของธุรกิจในประเทศแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการรองรับการขยายตัวของตลาดต่างประเทศ เนื่องจากปี 2558 กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน 10 ประเทศ จะจับมือกันเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ซึ่งหลังจากเปิดเออีซี มีการคาดการณ์ว่า การแข่งขันของธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่านแคตตาล็อกจะมีความรุนแรงมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จึงต้องเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือการแข่งขันดังกล่าว ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถทั้งด้านบุคคลากร เทคโนโลยี ระบบขนส่งสินค้า คลังสินค้าที่เป็นจุดศูนย์กลางกระจายสินค้า เพื่อส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภครวดเร็ว
นอกจากนี้ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ยังมีแผนที่จะให้ความรู้กับกลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งด้านบรรจุภัณฑ์ และขนาดสินค้า เพื่อรองรับยอดสั่งซื้อที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากเปิดเออีซี ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้งคาดการณ์ว่าธุรกิจในเครือจะต้องมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หลังจากปีที่ผ่านมาธุรกิจมีผลการตอบรับที่ดีมาก ด้วยการมียอดขายเติบโตสูงถึง 40%
ปัจจุบันบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง มีเอสเอ็มอี นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายคิดเป็นสัดส่วน 60% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 50% มีสินค้าที่นำมาจำหน่ายผ่านนิตยสารเซเว่นแคตตาล็อกกว่า 1,700 รายการ ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตนิตยสาร 4 แสนเล่มออกทุก 2 เดือนจำหน่ายผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่นราคาเล่มละ 10 บาท ขณะที่ช่องทางขายผ่านทางบหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมีกว่า 5,800 รายการ
สำหรับภาพรวมผลประกอบการของหน่วยธุรกิจเซเว่นแคตตาล็อกปี 2556 ที่ผ่านมามีรายได้ 3,700 ล้านบาท เติบโตจากปี 2555 ประมาณ 40% ซึ่งถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 30% เนื่องจากลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากช่องทางร้านเซเว่นฯ 75% นิตยสารเซเว่นแคตตาล็อก 10-15% เว็บไซต์ 5% และอื่นๆ 5-10%
ส่วนสินค้าที่สร้างยอดขายให้มากสุด คือ กลุ่มเครื่องสำอาง เครื่องนอน และสินค้าของใช้ภายในบ้าน ซึ่งในส่วนของปีนี้บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปิ้ง มีแผนที่จะนำสินค้าใหม่อีก 3 กลุ่ม คือ เครื่องประเครื่องดับ ,เสื้อผ้าแฟชั่น และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เข้ามาให้บริการเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมี 9 กลุ่มสินค้า ซึ่งหลังจากขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นคาดว่า สิ้นปีจะมีรายได้อยู่ที่ 4,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2556 ไม่ต่ำกว่า 30%
ในด้านของตลาดรวมจำหน่ายสินค้าผ่านทางแค็ตตาล็อก ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตจากปีก่อนประมาณ 20-25% โดยปัจจุบันบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง เป็นผู้นำตลาดด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 40% มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.6 แสนราย ส่งผลให้ปี 2556 ที่ผ่านมามีจำนวนสมาชิกทุกช่องทาง 8 แสนราย ปัจจุบันเซเว่น แคตตาล็อคมีสมาชิกซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ 1.8 แสนราย ลูกค้าที่แอ็กทีฟสั่งทุก 2 เดือนมากกว่า 1 ครั้ง โดยฐานลูกค้ามาจากต่างจังหวัดคิดเป็นอัตราส่วน 60% ในกรุงเทพฯ 40%
จากการออกมา มุ่งเน้นขยายธุรกิจ พร้อมกับสนับสนุนสินค้าของคนไทย โดยเฉพาะสินค้าจากผู้ประกอบการรายย่อยทั้งขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย น่าจะทำให้ธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่านทางแคตตาล็อก และช่องทางอื่นๆ ของบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง มีอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ปีละไม่ต่ำกว่า 30% โดยเฉพาะปี 2558 ที่จะมีการเปิดเออีซี ซึ่งจะเป็นปีที่มีฐานตลาดที่ใหญ่เพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จะนำพาผู้ประกอบการรายย่อยของไทยขยายตลาดข้ามแดนทั้งในรูปแบบการขยายฐานการผลิตและช่องทางการค้าออนไลน์ เพื่อนำมาซึ่งรายได้เข้าสู่ประเทศ
ข่าวเด่น