สำนักข่าวต่างชาติจับตาสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่จะปิดกรุงเทพฯในวันที่13 ม.ค. 57 อย่างใกล้ชิด โดยแสดงความกังวลในเรื่องเหตุรุนแรงและการสูญเสียเลือดเนื้อ 

โดยสำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า ผู้ประท้วงเตรียมปิดกรุงเทพฯทำให้การจราจรเป็นอัมพาตนานอย่างน้อย 15 วันเริ่มตั้งแต่วันจันทร์(13ม.ค.)นี้เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก ซึ่งเป็นความพยายามล่าสุดของกลุ่มผู้ประท้วงที่ปักหลักชุมนุมมานานสองเดือน

อัลจาซีราระบุอีกว่า ขณะนี้มีความวิตกมากขึ้นว่า จะเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดง นปช.ประกาศจะจัดการชุมนุมในจังหวัดรอบนอกกรุงเทพฯในวันเดียวกัน และคนไทยหลายคนเชื่อว่ากองทัพที่ประกาศวางตัวเป็นกลาง จะเข้าแทรกแซงเพื่อผ่าทางตันทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการประท้วงกลายเป็นเหตุรุนแรง ทำให้มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าอาจมีการก่อรัฐประหาร 

ส่วนสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ประเทศไทยกำลังจะเผชิญการประจันหน้ากันครั้งรุนแรง เมื่อกลุ่มผู้ประท้วงประกาศจะยึดพื้นที่สำคัญในกรุงเทพฯในการแสดงพลังทางการเมืองเพื่อปิดเมืองหลวงและยุติภาวะชะงักงันทางการเมืองที่รุมเร้าประเทศขณะนี้

กลุ่มสิทธิมนุษยชนอย่างองค์การนิรโทษกรรมสากล ออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์เตือนว่า สถานการณ์ในไทยกำลังตึงเครียด ผันผวน และไม่อาจคาดเดาได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงอย่างแท้จริงว่าจะเกิดการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อ หากไม่มีการเคารพสิทธิมนุษยชน 

ขณะที่ นายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติหรือ ยูเอ็น บอกว่า ได้พูดคุยหารือกับนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของไทยในช่วงที่ผ่านมา เพื่อพยายามช่วยผสานความเห็นที่แตกต่าง เนื่องจากรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในวันจันทร์ที่ 13 มกราคม ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่า จะชุมนุมปิดกรุงเทพฯ โดยได้ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแสดงความอดทนอดกลั้น หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุ และแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีผ่านทางการเจรจา 

ซึ่งนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์บอกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่างจดหมายถึงนายบัน คี-มุน เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงทางการเมืองในประเทศไทย ให้สหประชาชาติได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยจะชี้แจงข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า องค์กรอิสระเข้าไปแทรกแซงจนทำให้สถานการณ์บ้านเมืองบานปลาย ว่าไม่เป็นความจริง และยืนยันด้วยว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เข้าไปเป็นกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่ได้เป็นการเห็นด้วย แต่เป็นการทำหน้าที่ ส.ส.ในการทำงาน และยืนยัน ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ครอบคลุมถึงแกนนำคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงชี้แจงการไม่เข้าร่วมสภาปฏิรูปฯ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกไป 

นอกจากนี้ ยืนยันด้วยว่า ข้อมูลที่ระบุว่า ผู้ชุมนุมเป็นผู้ติดยาและมีอาวุธนั้น ไม่เป็นความจริง รวมทั้งจะย้ำให้สหประชาชาติเห็นว่า ต้นตอของปัญหาเกิดจากรัฐบาล