ตลาดชาเขียวปี 2557 ส่งสัญญาณแข่งขันดุเดือด เมื่อผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอย่างโออิชิและอิชิตันเริ่มเปิดศึกกันเบาๆ ด้วยการออกมาเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่เข้าทำตลาด สร้างสีสันให้ตลาดชาเขียวช่วงต้นปี
แม้ว่าสถานการณ์แวดล้อมในขณะนี้จะไม่เอื้อต่อการทำกิจกรรมทางการตลาดมากนัก แต่ธุรกิจก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป โดยในส่วนของตลาดชาเขียวปีนี้ยังคงมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด สังเกตได้จากการออกมาเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่เข้าทำตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค
สำหรับภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มปี 2556 ที่ผ่านมามีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 16,500 ล้านบาท เติบโตประมาณ 25% ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตลาดเครื่องดื่มอื่นๆ เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทำตลาด ประกอบกับผู้เล่นหลักในตลาดอย่างโออิชิ และอิชิตันก็ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างหนักหน่วงไม่ว่าจะเป็น ลด แลก แจก แถม หรือชิงรางวัล ซึ่งจากแนวทางการทำตลาดดังกล่าวส่งผลให้ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มที่เป็นเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่นและดีต่อสุขภาพเริ่มลดเลือนหายไป
ในส่วนของปีนี้สัญญาณการแข่งขันเริ่มส่งสัญญาณความรุนแรงอีกครั้ง เมื่อผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอย่างโออิชิ และอิชิตันเริ่มเปิดศึกกันเบาๆ ด้วยการออกมาเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่เข้าทำตลาด เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดชาเขียวช่วงต้นปี
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ต้นเดือนมี.ค.ที่จะถึงนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวชาพร้อมดื่มซีรีส์ใหม่ภายใต้ชื่อ "อิชิตัน ซีเล็คเต็ด" ชาสูตรหวานน้อยจำนวน 2 รสชาติ ได้แก่ อิชิตัน ซีเล็คเต็ด มัทฉะ ชาเขียว และ อิชิตัน ซีเล็คเต็ด อู่หลง เข้าทำตลาด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่รักสุขภาพ
ทั้งนี้ เบื้องต้น อิชิตัน จะนำชาสูตรหวานน้อยจำนวน 2 รสชาติเข้าทำตลาดก่อน เพื่อเป็นการทดลองผลการตอบรับของผู้บริโภค หากได้กระแสการตอบรับที่ดี อิชิตัน ก็จะส่งสูตรไม่มีน้ำตาลเข้าทำตลาดต่อเนื่องทันที เพื่อผลักดันให้กลุ่มสินค้าดังกล่าวมียอดขายในช่วงสิ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมของแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2557 นี้ อิชิตัน ได้วางงบการทำตลาดไว้ที่ประมาณ 800 ล้านบาท และในงบประมาณดังกล่าวจะแบ่งเป็นงบการทำตลาดอิชิตัน ซีเล็คเต็ด ซึ่งหลังจากออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะส่งผลให้ปี 2557 มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท เติบโต 20% เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มียอดขาย 6,000 ล้านบาท
นายตันกล่าวว่า จากอัตราส่วนการบริโภคชาเขียวของคนไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้เชื่อว่า ตลาดชาพร้อมดื่มในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะจำนวนการดื่ม/ต่อคน/ต่อปี ของไทย ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ จึงยังมีช่องว่างอีกมากให้เข้าไปทำตลาด และหนึ่งในกลยุทธ์ที่กระตุ้นการบริโภค คือ การออกสินค้าใหม่เข้ามาสร้างตลาด โดยเฉพาะกลุ่มชาพร้อมดื่มชนิดหวานน้อย หรือไม่หวาน เพราะปัจจุบันคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
จากแผนการออกสินค้าใหม่เข้าทำตลาดที่จะเกิดขึ้นในเดือนมี.ค. นี้ ในด้านของความพร้อมโรงงานผลิตชาเขียวก็กำลังจะเสร็จสมบูรณ์เช่นกัน โดย อิชิตัน ประกาศแผนขยายโรงงานผลิตในเฟส 2 ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปีนี้แล้ว ซึ่งหลังจากเริ่มเดินเครื่องจะส่งผลให้ อิชิตัน มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1,000 ล้านขวดต่อปี และรูปแบบกล่องเพิ่มขึ้น 200 ล้านกล่องต่อปี
ส่วนความคืบหน้าของการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น นายตัน กล่าวว่า บริษัทมีความตั้งใจจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงปลายเดือน ก.พ.ปีนี้ โดยจะไม่มีการเลื่อนแผนอีก เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในเวลานี้ต้องยอมรับว่า เป็นของคู่ประเทศไทยไปแล้ว ซึ่งธุรกิจต้องเดินหน้า ดังนั้น ทางอิชิตันจึงไม่ต้องการเลื่อนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกต่อไป
ในฝั่งของ โออิชิ เองปีนี้ก็ออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดตั้งแต่ต้นปีเช่นกัน ขณะเดียวกันยังได้ดึงดาราชื่อดังอย่าง “เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโออิชิ ฟรุตโตะ เป็นทีปีที่ 2 เนื่องจากคาแรคเตอร์เข้ากับชาเขียวพร้อมดื่ม โออิชิ ฟรุตโตะ ได้เป็นอย่างดี
สำหรับชาเขียวรสชาติใหม่ที่โออิชิ พร้อมที่จะนำเข้ามาทำตลาดในต้นปีนี้ จะเป็นสินค้าชาเขียวแท้คุณภาพดีที่ผสานสุดยอดผลไม้พรีเมี่ยม 2 ชนิด คือ แอปเปิ้ลเขียว และองุ่นขาว จนออกมาเป็นรสชาติ “โออิชิ ฟรุตโตะ ชาเขียว รสแอปเปิ้ลเขียว-องุ่นขาว”
ก่อนหน้าที่ โออิชิ จะออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาด ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของสินค้าเหมือนกับกลยุทธ์ของ อิชิตัน โดยในปีที่ผ่านมา โออิชิ ได้ใช้งบลงทุนก้อนโตในการขยับขยายและปรับปรุงระบบการทำงานของโรงงานที่นวนครให้ได้มาตรฐานสากล
นายนิรุทธิ์ มหธร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของชาเขียวพร้อมดื่มนับจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่มาตรฐานของวัตถุดิบ โรงงาน รวมถึงกระบวนการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้มีด้วยกัน 3 ข้อหลัก คือ 1.การคัดสรรต้องเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ซึ่งเป็นยอดอ่อนใบชาเขียว 3 ใบ และปลูกแบบปลอดสารเคมี 100 % การันตีด้วยรางวัล "World Green Tea Contest"และ "Japan CF Award"จากประเทศญี่ปุ่น
ข้อ 2 เป็นด้านโรงงานผลิต นับจากนี้บริษัทจะใช้เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ ที่เรียกว่า Cold Aseptic Filling จากประเทศญี่ปุ่นอีกเช่นกัน ซึ่งจะคงคุณค่าความสด กลิ่น และรสชาติของชาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยี Double Clean Room และ Dry Filling Process สามารถสร้างมาตรฐานความสะอาดและสุขอนามัยระดับเวิลด์คลาสเทียบเท่าห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาล รวมไปถึงการที่ไม่ใช้น้ำในการฆ่าเชื้อบรรจุภัณฑ์ แต่ใช้ไอน้ำและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในการฆ่าเชื้อ จึงทำให้ไม่มีสารเคมีตกค้าง รวมถึงน้ำเสียจากกระบวนการผลิต กระทั่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA)
ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นกล่องยูเอชทีหรือ แบบขวดพีอีทีที่ใช้พลาสติกน้อยและมีน้ำหนักเบาขึ้น ก็ล้วนช่วยประหยัดเชื้อเพลิงในการขนส่งและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนข้อที่ 3 จะเป็นในเรื่องของกระบวนการผลิตและตรวจสอบคุณภาพ ในทุกขั้นตอนของโรงงานโออิชินั้นผ่านการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ด้วยสายตาเปล่าของผู้เข้าเยี่ยมชมจึงมองไม่เห็นว่ามีพนักงานรายใดที่ต้องเดินเข้าใกล้อุปกรณ์เครื่องจักรแม้เพียงนิด ตรงกันข้ามพวกเขาทำงานอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องแอร์เย็นสบาย
นอกจากนี้ยังทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดแคมเปญ โออิชิรวยฟ้าผ่า รวยฟ้าผ่ากับโออิชิ!! ลุ้นทองแสนกันอีกแล้วทุกวันไม่มีวันหยุด ซื้อผลิตภัณฑ์ในเครือโออิชิที่ เซเว่นอีเลฟเว่น ทั้งเครื่องดื่มและอาหาร รหัสท้ายใบเสร็จสามารถส่งเข้ามาลุ้นโชคกันได้เลย กด *417*รหัสท้ายใบเสร็จ ลุ้นโชคไปจนถึงวันที่ 25 ม.ค.นี้
นอกเหนือจากนั้น โออิชิ ยังออกมานำเสนอนสินค้าวัตกรรมใหม่ บรรจุภัณฑ์ใหม่ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันโออิยังคงครองความเป็นผู้นำตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 44% แต่จากการที่ผู้เล่นหน้าใหม่และเบอร์รองยังคงออกมาโหมทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จะส่งผลให้ โออิชิ ยังคงครองผู้นำตลาดได้อยู่หรือไม่ ปีนี้คงมีอะไรอีกมากมายให้ลุ้น
ข่าวเด่น