ทิสโก้ชี้หุ้นจีนมาแรงเหมาะลงทุนเพิ่ม มองราคาหุ้นถูกมาก ให้อัพไซด์กว่า 70% ชูแผนปฏิรูปดันเศรษฐกิจจีนโตระยะยาวและยั่งยืน ขณะที่ความกังวลเรื่องดอกเบี้ยกระทบหุ้นระยะสั้นเท่านั้น แนะนักลงทุนใช้โอกาสนี้ “เข้าลงทุน” เพราะได้ของดีราคาถูก ล่าสุดเตรียมเปิดกองทริกเกอร์ช้อนหุ้นจีนเพิ่ม “ไชน่า ทริกเกอร์ 8% กองที่ 12” ตั้งเป้าทำกำไร 8% เสนอขาย 21 - 28 ม.ค. 57 นี้
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, First Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) กล่าวว่า ทิสโก้ เวลธ์ บริการบริหารความมั่งคั่งอย่างครบวงจรจากทิสโก้ได้แนะนำลูกค้าให้ลงทุนในตลาดหุ้นจีน ซึ่งเป็นตลาด Top Pick ของทิสโก้มาโดยตลอด โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนได้พ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังเข้าสู่วงจรการฟื้นตัวและการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน จากแผนปฏิรูปเศรษฐกิจซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ขณะที่หุ้นจีนยังมีราคาถูก ทำให้ขณะนี้ตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจลงทุนอย่างมาก ล่าสุด บลจ. ทิสโก้จึงเตรียมเสนอขายกองทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในหุ้นจีนอีกครั้ง ได้แก่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 12” (TISCO China Trigger 8% Fund # 12) ในวันที่ 21-28 ม.ค. นี้ ซึ่งเป็นกองที่ 12 ของกองซีรีย์ทริกเกอร์ฟันด์หุ้นจีน ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง
โดยทิสโก้ เวลธ์ มองว่า ตลาดหุ้นจีนกลับมามีความน่าสนใจมากขึ้นโดยมีปัจจัยบวกหลายประการ โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความคืบหน้าของแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ 10 ประการ ที่จะทำให้มีการเปิดเสรีและการลงทุนใหม่ๆ ในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้อุปสงค์และอุปทานมีความสมดุล และช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจจีนในระยะยาว โดยดอยช์แบงก์ซึ่งเป็นพันธมิตรของทิสโก้ คาดการณ์ว่า GDP ของจีนจะขยายตัวได้ในระดับ 8.6% ในปีนี้ และ 8.2 % ในปี 2558 ประกอบกับการส่งออกของจีนมีแนวโน้มดีขึ้นมาก ตามการฟื้นตัวของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของจีน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ยุโรป และญี่ปุ่น โดยคาดว่าการส่งออกของจีนจะเติบโตถึง 14% ในปีนี้
“ตอนนี้เรามองว่าตลาดหุ้นจีนดูดีขึ้นมาก โดยนอกจากปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพแล้ว ดัชนี HSCEI (Hang Seng China Enterprise Index) หรือ H-Shares ที่ปรับลดลงมาในช่วงต้นปี เรามองว่าเป็นเพียงความกังวลเรื่องการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งเป็นผลจากเรื่องฤดูกาลและการปรับโครงสร้างภาคการเงินของจีน โดยคาดว่าจะมีผลกระทบในวงจำกัดและระยะสั้นเท่านั้น ไม่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตรงกันข้ามจากความกังวลดังกล่าวที่ทำให้ดัชนีหุ้นปรับตัวลงมาในขณะที่มีการขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง เราจึงมองว่าเป็นโอกาสเหมาะในการเข้าลงทุน เพราะปัจจุบันราคาหุ้นของดัชนี HSCEI เทรดที่ระดับเพียง 1.2 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (P/BV) และค่า P/E ยังปรับตัวลดลงมาซื้อขายที่ระดับต่ำกว่า 7 เท่า ซึ่งถูกมากเมื่อเทียบกับค่า P/E ของดัชนี MSCI Asia Pacific ex Japan ซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 12 เท่า
ขณะที่เรามองเป้าดัชนี HSCEI ปีนี้ที่ 17,580 จุด ซึ่งคิดเป็น P/E 11.9 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นจีนยิ่งน่าสนใจ เพราะยังมีอัพไซด์อีกกว่า 70% ประกอบกับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี HSCEI เพิ่มขึ้นต่อเนื่องร่วม 70% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าบริษัทจดทะเบียนของไทย ด้วยแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ยั่งยืน ขณะที่ราคาหุ้นถูกมาก และมีอัพไซด์สูงมากเช่นนี้ เราจึงมองว่าเวลานี้เหมาะสมที่สุดในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีน เพราะจะได้ของดีในราคาถูก
สำหรับทิสโก้ได้พิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านกองทริกเกอร์ฟันด์ ด้วยการบริหารกองทุนเข้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ส่วนกองทุนทริกเกอร์ฟันด์หุ้นจีนกองล่าสุดที่กำลังจะเสนอขายนี้ เราจึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นที่ผ่านมา” นายสาห์รัช กล่าว
“กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 12” (TISCO China Trigger 8% Fund # 12)เป็นกองทาร์เก็ตฟันด์ที่ลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน Hang Seng H-Share Index ETF ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงซึ่งมีนโยบายการลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี HSCEI หรือ H-Shares มีอายุโครงการ 8 เดือน โดยจะเลิกกองทุนเมื่อสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เสนอขายในระหว่างวันที่ 21 - 28 ม.ค. 57 นี้ มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4
อย่างไรก็ตามทิสโก้เตือนว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากกองทุนมีการกำหนดเงื่อนไขการเลิกกองทุนก่อนกำหนด ผู้ลงทุนควรตระหนักว่า การกำหนดอัตราผลตอบแทนในเงื่อนไขการเลิกกองทุนก่อนกำหนด มิได้เป็นการรับประกันหรือทำให้คาดหวังว่าผู้ลงทุน
จะได้รับผลตอบแทนตามอัตรานั้น ทั้งนี้ผลตอบแทนดังกล่าวเป็นผลตอบแทนก่อนหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการยกเลิกกองทุน
ข่าวเด่น