หลายภาคส่วนทั้งแวดวงการเงิน ตลาดเงิน ตลาดทุน และภาคธุรกิจ จับตาผลการประชุมกนง.นัดแรกของปี57 วันที่ 22 ม.ค.อย่างใกล้ชิด โฆษกธปท.เผยกนง.จะนำผลกระทบการชุมนุมต่อกิจกรรมเศรษฐกิจมากำหนดทิศทางดอกเบี้ยนโยบายด้วย
วันที่ 22 ม.ค. จะเป็นการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) นัดแรกของปี 2557 แวดวงการเงิน ตลาดเงิน ตลาดทุน และภาคธุรกิจต่างๆ จับตาผลการประชุมครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งนางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้คณะกรรมการกนง. จะนำผลกระทบจากการชุมนุมที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมาพิจารณา เพื่อกำหนดทิศทางของดอกเบี้ยนโยบายด้วย
ส่วนนางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) คาดว่า กนง.น่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงที่กนง.ต้องพิจารณา คือ เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและเงินเฟ้อ นอกเหนือจากปัจจัยการเมืองที่ยังยืดเยื้อ เพราะหาก กนง. ต้องการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ถ้าประชาชนไม่ใช้จ่าย ประโยชน์ที่คาดหวังไว้คงไม่เกิด ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับมุมมองของ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่คาดว่า กนง.น่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25% เพราะผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการชุมนุมทางการเมืองขณะนี้ยังไม่ชัดเจน แต่หากลดดอกเบี้ยนโยบายลงจะยิ่งกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่า เป็นปัจจัยให้เงินไหลออก ทำให้กนง.มีความยากลำบากในการดำเนินนโยบายในระยะต่อไป
ส่วนนายอมรเทพ จาวะลา หัวหน้าส่วนวิจัยเศรษฐกิจและตลาดการเงิน สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่กนง. อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% จากปัจจุบัน 2.25% ไปสู่ระดับ 2% ต่อเนื่องจากการลดดอกเบี้ยไป 0.25% ในการประชุมรอบล่าสุด เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ความขัดแย้งทางการเมืองยังมีโอกาสยืดเยื้อและเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจปีนี้ในระยะยาว
แต่ยอมรับว่า แรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้นโยบายการเงินในช่วงนี้อาจมีผลอย่างจำกัด เนื่องจากการชะลอตัวของการบริโภคในประเทศเวลานี้ เป็นผลมาจากหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นพื้นฐาน โดยมีปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นตัวเสริมที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ลงทุนทำให้คนอาจก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้ไม่มาก ขณะที่ภาคธุรกิจก็ไม่กล้าลงทุนเพิ่ม ซึ่งสะท้อนได้จากยอดการนำเข้าเครื่องจักรที่ลดลง
ด้านนายสมิทธ์ พนมยงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่ กนง.อาจจะลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เนื่องจากกังวลปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเชื่อว่า การลดดอกเบี้ยจะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกแบบผิดปกติ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย มีการเกาะติดและมีเครื่องมือเพียงพอในการดูแล
ส่วนนายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวด้วยว่า ธนาคารยังประเมินว่าดอกเบี้ยจะอยู่ภาวะทรงตัวไปจนถึงไตรมาส 3 และอาจปรับขึ้นในไตรมาส 4 อีก 0.25-0.50% ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์การเมืองในประเทศ และการส่งออก
ข่าวเด่น