เมืองไทยประกันชีวิตขานรับยุคออนไลน์ ประกาศยุทธศาสตร์ “ดิจิตอล อินชัวเรอร์” ยกเครื่องไอทีหนุนระบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ-ครบวงจร เสริมทัพธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง โกยเบี้ยเฉียด 7 หมื่นล้าน โตแรง 15%
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจในปี 2557 นี้ว่า บริษัทนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาใช้ในกระบวนการขายและบริการด้านประกันชีวิตแก่ลูกค้า ตั้งเป้าหมายให้เป็น “ดิจิตอล อินชัวเรอร์” ด้วยการใช้ระบบดิจิตอลเข้ามาสนับสนุนในการทำงานทุกขั้นตอน และครบวงจร ตั้งแต่เริ่มค้นหาความต้องการของลูกค้า ไปจนถึงปิดการขายและบริการหลังการขายด้วย สอดคล้องไปกับเทรนด์ปัจจุบันที่เทคโนโลยีการสื่อสารของผู้ขายและลูกค้าขยับไปสู่ช่องทางดิจิตอลมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่จะเปลี่ยนไปในปีนี้ จะมีตั้งแต่การนำระบบสมาร์ทแอพลิเคชั่น ที่ตัวแทนสามารถใช้วิเคราะห์ความต้องการทางการเงินและความคุ้มครองที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้า ค้นหาแบบประกันที่เหมาะสมเพื่อช่วยวางแผนทางการเงิน ไปจนถึงนำเสนอแก่ลูกค้าและปิดการขาย เช่นเดียวกับแบงก์แอสชัวรันซ์ที่จะเริ่มมี อี-แอพลิเคชั่น สำหรับการสมัครซื้อประกันชีวิตที่สามารถทราบผลการอนุมัติเบื้องต้น เงื่อนไขการรับประกันที่ต้องการเพิ่มเติม เช่น กรณีการตรวจสุขภาพ
“ภาพการเป็นดิจิตอล อินชัวเรอร์ของเราจะไม่ใช่แค่การนำเครื่องมือหรือระบบดิจิตอลมาใช้ในการขาย แต่ข้อมูลพวกนี้จะต้องทำให้เชื่อมต่อกันไปทั้งกระบวนการทั้งงานฝั่งหน้าบ้าน ไปจนถึงฝั่งหลังบ้าน เรื่องบริการหลังการขายต่างๆ แม้ว่ากฎหมายบางเรื่องอาจยังอยู่ระหว่างปรับแก้ เช่น เรื่องลายเซ็นอิเล็คทรอนิกส์ แต่เรามองว่าน่าจะพัฒนาระบบควบคู่กันไปได้ ขณะนี้เรากำลังลงทุนพัฒนาไอทีที่เป็นระบบปฏิบัติงานหลัก หรือ core system ใหม่ทั้งหมดอีกด้วย”
แม้จะมีกลยุทธ์เรื่องดิจิตอลอินชัวเรอร์เข้ามาเสริมทัพ แต่นายสาระยืนยันว่า กลยุทธ์หลักของเมืองไทยประกันชีวิตยังให้ยึดแนวทางการเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายด้วยช่องทางที่หลากหลาย ทั้งตัวแทน แบงก์แอสชัวรันซ์ การตลาดทางตรง และช่องทางธุรกิจพิเศษ เช่นงานรับประกันเป็นโครงการ ประกันกลุ่ม และการจับมือพันธมิตรรายใหม่ เป็นต้น
ควบคู่กันไปกับการเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายและหลากหลายช่องทาง ด้านผลิตภัณฑ์ก็ต้องหลากหลายมากเพียงพอจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ทั้งประกันชีวิตสำหรับคุ้มครอง ออมเงินและลงทุน รวมถึงสัญญาเพิ่มเติมด้านต่างๆ ที่บริษัทจะพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เช่น สัญญาสุขภาพ และโรคร้ายแรง ที่เทรนด์ของตลาดกำลังให้ความสนใจมาก
การขับเคลื่อนกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายว่า น่าจะทำให้ปีนี้มีเบี้ยรับรวมเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 15% หรือคิดเป็นเบี้ยรับรวมเกือบ 7 หมื่นล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วที่ทำได้ 60,249 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2556 บริษัทมีเบี้ยรับรวม 60,249 ล้านบาท เติบโต 23% แบ่งเป็นเบี้ยใหม่ 27,613 ล้านบาท เติบโต 27% และเบี้ยต่ออายุ 32,636 ล้านบาท เติบโต 20% โดยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 190,720 ล้านบาท ในจำนวนนี้กว่า 95% เป็นสินทรัพย์ลงทุนที่สร้างผลประโยชน์กลับคืนแก่ผู้ถือกรมธรรม์ หรือคิดเป็นมูลค่า 181,608 ล้านบาท โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนประมาณ 5%
ข่าวเด่น