ประกันพม่าเนื้อหอม บริษัทประกันชีวิตขาใหญ่ลุยขอเปิดสนง.ผู้แทนพรึ่บ เมืองไทยฯ ปืนไวคว้าตั๋วแล้ว รายแรกของไทย ชี้เทรนด์ตลาดเพิ่งเริ่มต้น รอจังหวะเติบโต มั่นใจอนาคตไปได้ไกล ทูตไทยเชียร์ช่วยดันธุรกิจไทยเต็มที่ แนะรีบตัดสินใจก่อนตกขบวน 

นายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจการเงินของเมียนมาร์เริ่มปรับตัวเข้าสู่ความเป็นสากลมากขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่ทางการเมียนมาร์เปิดโอกาสให้ธนาคารต่างชาติเข้ามาเปิดสำนักงานผู้แทน (Representative Office) ได้ จนถึงล่าสุดที่เริ่มเปิดให้ธุรกิจด้านประกันภัยเข้ามาขอเปิดสำนักงานผู้แทนเช่นกัน ซึ่งเริ่มพบว่ามีบริษัทประกันภัยต่างชาติเข้ามาขออนุญาตเปิดสำนักงานผู้แทนบ้างแล้ว 

“ตอนนี้มีบริษัทประกันชีวิตจากไทยประสานมายังสถานทูต เนื่องจากมีความสนใจจะขออนุญาตเปิดสำนักงานผู้แทนในเมียนมาร์ ล่าสุดมีบริษัทที่ได้รับอนุญาตแล้วคือ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือเป็นรายแรกของไทยที่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ก็ยังมีอีกบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ๆ จากไทยอีก 2-3 บริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ดูแนวโน้มก็น่าจะไปในทางบวก” 

เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเมียนมาร์มีระบบประกันภัยอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีนัก จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับธุรกิจประกันชีวิตที่จะมาเปิดธุรกิจ โดยเฉพาะฝั่งประกันสุขภาพที่มองว่าตลาดจะยังคงน่าสนใจมาก เพราะปัจจุบันคนพม่าที่พอจะมีฐานะก็จะข้ามไปใช้บริการด้านสุขภาพในไทยอยู่แล้ว ถ้าสามารถมีประกันชีวิตและสุขภาพที่เชื่อมกับการไปใช้บริการสุขภาพในไทยได้ก็จะค่อนข้างตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มาก  

เขากล่าวอีกว่า กฎหมายด้านการเงินของเมียนมาร์ในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง หลายๆ เรื่องอาจจะยังไม่ทันสมัย ก็ต้องปรับปรุงกันอยู่ แต่เชื่อว่าเมียนมาร์เองก็ได้เรียนรู้แนวทางการพัฒนากฎหมายธุรกิจมาจากหลายประเทศ มีตัวอย่างที่ชัดเจน ก็น่าจะทำให้กระบวนการพัฒนาด้านกฎหมายไม่น่าจะใช้เวลานานนัก อาจจะเห็นการเปิดกว้างสำหรับภาคธุรกิจเอกชนจากต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น 

ด้านนายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมองว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่กำลังจะมาถึงในปี 2558 นับเป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะสำหรับ เมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งได้เตรียมพร้อมเรื่องนี้มาพอสมควร จนกระทั่งมั่นใจว่ามีโอกาสที่ดีจึงตัดสินใจขออนุญาตเปิดสำนักงานผู้แทนในกรุงย่างกุ้ง เพื่อเป็นการปูทางเข้าสู่การทำธุรกิจนี้อย่างจริงจังในเมียนมาร์ต่อไป  

“เราพร้อมจะเข้ามาช่วยให้ข้อมูล ร่วมพัฒนาตลาด และร่วมมือกับทั้งภาครัฐ ประชาชน สถาบันการเงิน และหน่วยงานผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัย เพื่อพัฒนาตลาดประกันภัยของเมียนมาร์ เพื่อให้คนได้รู้จักเราไปด้วย และถ้ากฎหมายพร้อมจะเปิดให้เราขยับไปโมเดลแบบไหนต่อไปได้ เราก็พร้อมจะพิจารณา รวมถึงการเข้าไปลงทุนในธุรกิจประกันชีวิตในประเทศอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปลงทุนโดยตรง การร่วมทุนหรือการเปิดเป็นสาขา เราก็สนใจและกำลังมองหาโอกาสอยู่” 

นอกจากนี้ ในฝั่งการรับมือหากธุรกิจประกันชีวิตจากต่างประเทศจะเข้ามาในไทย นายสาระ กล่าวว่า บริษัทก็ได้เตรียมความพร้อมไว้พอสมควร ทั้งเรื่องแบบประกันที่หลากหลายพร้อมเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ส่วนหนึ่งคือแบบประกันประเภทคุ้มครองและออมเงิน ถือเป็นตลาดที่บริษัทมีความคุ้นเคยอยู่แล้ว รวมถึงแบบประกันกึ่งลงทุนอย่าง ยูนิเวอร์แซลไลฟ์และยูนิตลิงค์ ก็มีความพร้อมเช่นกัน ส่วนด้านการบริหารก็ได้จัดตั้งฮับไว้ในพื้นที่หัวเมืองรวม 5 ภาค เพื่อรองรับการบริหารในแต่ละจุดอย่างเต็มที่