เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลปีใหม่ของพี่น้องชาวจีน แม้ว่าปีนี้บรรยากาศจะไม่ชวนคึกคักเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น แต่บรรดาผู้ประกอบการก็ยังคงมีความหวังว่าช่วงใกล้เทศกาลกำลังซื้อน่าจะฟื้นคืนกลับมา เพราะแต่ละคนล้วนต่างอยากสร้างความโชคดีให้กับตัวเอง
จากผลการวิจัยของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ภาพรวมการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีปีนี้จะมีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมาเพียงเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมืองภายในประเทศ หรือปัญหาราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนจากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 16-21 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้จะมีการจับจ่ายใช้สอยรวมเป็นเงินประมาณ 47,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากตรุษจีนปี 2556 ที่มีการใช้จ่าย 45,081 ล้านบาท เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่าการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนส่วนใหญ่จะใช้ไปกับการซื้อสินค้าที่จำเป็นอย่างเครื่องเซ่นไหว้ เช่น หมู เป็ด ไก่ ปลา ผลไม้ และเหล้า ขณะที่บางส่วนจะใช้จ่ายน้อยลง เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายลงมา เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี การเมืองขาดเสถียรภาพ และรายได้ลดลง
ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมเทศกาลตรุษจีนมีความคึกคักเพียงเล็กน้อยโดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากบรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความกังวลเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง แต่หากมองไปในด้านของตลาดต่างจังหวัดถือว่ายังมีความคึกคักอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า จากการปิดกรุงเทพฯ ของกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในระดับปานกลาง แต่หากยืดเยื้อจะกระทบต่อการบริโภค เศรษฐกิจของประเทศ การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ประเทศ ซึ่งหากมองภาพรวมของบรรยากาศโดยรวมในขณะนี้ถือว่ายังมืดมน แต่เชื่อว่าจะสามารถหาทางออกได้
ทั้งนี้ การปิดกรุงเทพฯที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ศูนย์พยากรณ์ฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ออกมาประเมินความเสียหายเบื้องต้นว่า ในแต่ละวันสูญเสียเม็ดเงินจากภาคธุรกิจวันธรรมดาไปวันละประมาณ 700-1,000 ล้านบาท หรือสัปดาห์ละ 5,000-10,000 ล้านบาท ส่วนความเสียหายจากการท่องเที่ยวจะอยู่ที่สัปดาห์ละ 5,000-7,000 ล้านบาท
แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองจะยังไม่มีความชัดเจน แต่ในส่วนของภาคธุรกิจยังคงต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งภาคธุรกิจค้าปลีกก็เป็นหนึ่งในนั้น และในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้ แต่ละห้างค้าปลีกต่างออกมาอีกโปรโมชั่นกันอย่างคึกคัก
นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ เริ่มส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาลปีใหม่เป็นต้นมา และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ สังเกตได้จากการระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอยและออกมาใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนช้าลงกว่าปีก่อนๆ
สำหรับการทำแคมเปญตรุษจีนในปีนี้ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้เตรียมงบประมาณ 100 ล้านบาท จัดแคมเปญตรุษจีนภายใตชื่อ "เดอะ เอ็มโพเรียม พารากอน ไชนิส นิว เยียร์" และกิจกรรมสักการะเทพเจ้ากวนอู ร่วมกับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.– 9 ก.พ. 2557 ช่วงการจัดแคมเปญลูกค้าจะได้รับส่วนลด 10-50% เมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 1,500-15,000 บาท และเมื่อใช้จ่ายทุก 1,000 บาท ลุ้นแพคเกจ "คลับ เมด กุ้ยหลิน" ประเทศจีน จำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 2 ท่าน
นอกจากนี้ ยังได้นำเทพเจ้ากวนอู "เทพเจ้าองค์สำคัญในปีมะเมีย” เข้ามาให้ลูกค้าได้สักการะบูชา ระหว่างวันที่ 29 ม.ค. – 5 ก.พ. ที่ Mcc Hall ชั้น 4 เดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน ขณะที่สาขาบางแค และบางกะปิ จะมีการจัดกิจกรรมด้านวัฒนธรรมจีน เช่น วัฒนธรรมการดื่มชามานำเสนอในงาน พร้อมกับนำขนม อาหาร การแสดงศิลปะการชงชา และการแสดงดนตรีกู่ฉิงร่วมสมัย จากประเทศจีน มาจำหน่ายและแสดงภายในงาน
ด้าน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน ได้ออกมาจัดโปรโมชั่นเทศกาลตรุษจีนภายใต้ชื่อ “สยาม ไชนิส นิว เยียร์ 2014” ตั้งแต่วันนี้- 2 มี.ค. 2557 เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 2,000 บาท รับคูปองชิงโชค 1 ใบ เพื่อลุ้นโชครถยนต์ BMW X1, ชุดเครื่องทองบลูมาร์ริน่า , ชุดชงชาจาก TWG, แพ็คเกจตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ประเทศสิงคโปร์พร้อมที่พัก และแพ็คเกจที่พักจากโรงแรมอนันทารา
ขณะที่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตภายใต้ชื่อ ท็อปส์ ซูเปอร์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่ , เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ,ซูเปอร์คุ้ม และซูเปอร์คุ้มขายส่ง ออกมาเปิดตัวแคมเปญ “แจกทองทุกวัน ฉลองตรุษจีน” แจกโชคทองมูลค่า 1 ล้านบาท สมาชิกสปอต รีวอร์ด คาร์ด ลุ้นทุกวัน สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ขณะที่ทุกวันพุธ ลุ้นรับสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 2 รางวัล เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 500 บาท / ใบเสร็จ ที่เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ มาร์เก็ต
ในด้านของห้างโมเดิร์นเทรดเองก็ออกมาทำกิจกรรมช่วงเทศกาลตรุษจีนกันอย่างคึกคักเช่นกัน ซึ่งแต่ละค่ายไม่ว่าจะเป็นห้างเทศโก้ โลตัส หรือบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ต่างก็ออกมาอัดโปรโมชั่นที่แรงกว่าปีทีผ่านมา เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
นางวรรณา สวัสดิกูล ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เอกชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัสกล่าวว่า ปีนี้บริษัทได้เตรียมสินค้าสำหรับเทศกาลตรุษจีนไว้คอยบริการลูกค้าอย่างครบครันและมีราคาถูกกว่าปีที่ที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเฉลิมฉลองได้เหมือนปีที่ผ่านมา ด้วยการนำเสนอสินค้าครบครันราวกับยกเยาวราชมาไว้ในห้าง เช่น ชุดไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ ราคา 168 บาท จาก 198 บาท และธูปจีนก้านกลมลดราคาเหลือแพ็คละ 89 บาท จาก 92 บาท ซึ่งโปรโมชั่นดังกล่าวจะไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค.นี้
นอกจากนี้ เทสโก้ โลตัส ยังได้จัดพิมพ์หนังสือเสริมโชคลาภ “เฮง เฮง เฮง” โดย 3 อาจารย์ชื่อดัง ได้แก่ อ.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ให้คำแนะนำเรื่องการจัดบ้านและจัดวางเฟอร์นิเจอร์เสริมดวง อ.จิตรา ก่อนันทเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของไหว้และความหมายของอาหารไหว้ แมน แมธเธโลจี แนะนำเลขมงคล โดยแลกซื้อหนังสือ “เฮง เฮง เฮง” ในราคาเพียง 39 บาท
ด้าน นายเนติธร ประดิษฐ์สาร ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตรุษจีปีนี้บริษัทได้เตรียมสินค้ามากกว่า 5,000 รายการ ไว้คอยบริการลูกค้า พร้อมกับมอบโชคให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าครบ 500 บาท ฃในบ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ,เอ็กซ์ตร้า ,จัมโบ้ และซื้อครบ 100 บาท ที่บิ๊กซี มาร์เก็ต ,มินิบิ๊กซี รับสิทธิ์ลุ้นโชคทองคำ 8 บาท จำนวน 8 รางวัล และบัตรกำนัล 800 บาท จำนวน 880 รางวัล เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้า ซึ่งปีนี้จัดแคมเปญแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา
จากการออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายของบรรดาห้างค้าปลีก ซึ่งปีนี้ได้เพิ่มการทำโปรโมชั่นที่แรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา น่าจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคยอมควักเงินออกจากกระเป๋าได้พอสมควร แต่เม็ดเงินจะสะพัดถึง 47,774 ล้านบาท หรือไม่นั้น คงต้องรอลุ้นว่าร้านจำหน่ายเครื่องไหว้ตามร้านค้าปลีกรายย่อยในตลาดต่างๆ จะเป็นอย่างไร จบเทศกาลตรุษจีคงได้ทราบผล
(4).jpg)
.jpg)
ข่าวเด่น