หุ้นทอง
จับจังหวะฤดูกาลปันผลหวังกำไรส่วนต่างราคา หรือจะเลือกลงทุนยาวรับปันผล 5-9 % ต่อปี


 

 

จับจังหวะฤดูกาลปันผลหวังกำไรส่วนต่างราคา หรือจะเลือกลงทุนยาวรับปันผล 5-9 % ต่อปี บล.เอเซียพลัสฯแนะซื้อหุ้นปันผล 2 เดือนก่อนตลท.ขึ้น XD ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์สเปิดหุ้นปันผลสูงหลายตัวน่าสนใจ 

 

 

 

ฤดูกาลหุ้นปันผลกลับมาเป็นประจำทุกๆปีหลังจากผลการดำเนินงานประจำปีออกมาและเริ่มมีการประกาศจ่ายปันผลออกมาพร้อมๆกับการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ซึ่งทุกๆปีจะเป็นช่วงเมษายน ดังนั้นแม้ในสภาวะที่ตลาดหุ้นไทยยังผันผวนจากปัจจัยทั้งในประเทศ คือ การเมืองและต่างประเทศ รวมถึงอนาคตคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีโอกาสปรับลงอีก แต่ยังมีหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวและยังมีกำไรที่เติบโตได้สม่ำเสมอ แม้ไม่หวือหวาก็ตามและมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ หรือที่เรียก หุ้น Defensive Stock ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ สาธารณูปโภค อาทิ น้ำ ไฟฟ้า เป็นต้น ที่ไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นเช่นไรคนก็ยังจะต้องกินต้องใช้ นั่นเอง ซึ่งในตลาดหุ้นไทยก็พอจะมีบ้าง
 
ไม่เพียงเท่านี้ยังมีหุ้นที่พร้อมจะจ่ายปันผลสูงๆ มาให้นักลงทุนได้เลือกเฟ้นกัน พร้อมๆกับโอกาสการแสวงหากำไรจากส่วนต่างราคา(Capital gain) ด้วย กล่าวคือ จะมีการเก็งกำไรของหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลทำให้บรรดานักวิเคราะห์จึงประเมินว่า ราคาหุ้นที่เหมาะสมตามกำไรที่เติบโต ราคาก็จะขยับตัวได้ในช่วงก่อนจ่ายปันผล แต่เมื่อถึงเวลาประกาศจ่ายปันผล ผู้ถือหุ้นได้รับปันผลแล้ว ราคาหุ้นก็จะปรับลงเป็นธรรมชาติของหุ้น ทำให้นักลงทุนจะต้องประเมินว่า จะเลือกรับปันผลหรือทำกำไรไปก่อน ซึ่งต้องมานั่งคำนวณว่า อย่างไหนคุ้มกว่ากัน
 
อย่างไรก็ตามจากบทวิจัยของบล.เอเซียพลัสฯ ได้ระบุว่าช่วงจังหวะเวลาที่ควรซื้อหุ้นปันผล คือ 2 เดือนก่อนตลท.จะขึ้นเครื่องหมาย XD(Excluding Dividend) ให้กับหุ้น หมายถึง ผู้ที่ซื้อหุ้นช่วงประกาศ XD จะไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล โดยประเมินว่า ประมาณปลายมีนาคม-ต้นพฤษภาคม บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะทยอยประกาศจ่ายปันผล ซึ่งทำให้หุ้นที่จ่ายปันผลดีๆจะได้รับความน่าสนใจจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น และหากศึกษาจากข้อมูลในอดีต พบว่า หุ้นที่ประกาศจ่ายปันผลดีๆราคามักจะเคลื่อนไหวหรือตอบสนองในด้านบวกก่อนล่วงหน้าประกาศจ่ายปันผลเป็นเวลานานตั้งแต่ 2 เดือน ดังนั้นนักลงทุนที่ซื้อหุ้นก่อนจ่ายปันผล เพียง 1 สัปดาห์ อาจได้รับผลตอบแทนค่อนข้างต่ำและต้องเผชิญกับการแกว่งของราคาหุ้น
 
ดังนั้นหุ้น Big cap ที่แนะนำจะเป็นหุ้นที่มีโอกาสจ่ายปันผลสูงกว่า 5 % คือ INTUCH DELTA TTW BEC ส่วนหุ้น Mid & Small Cap แนะนำ TICON PYCON BECL ให้นักลงทุนได้เลือกดู
 
 
 
 
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส  เปิดหุ้นปันผลสูง (High Dividend Yield Stock) เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงตลาดผันผวนและช่วงปิดงวดผลประกอบการประจำปี เพราะจะมีหลักทรัพย์จำนวนมากที่ใกล้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับไตรมาส, ครึ่งปีหลัง หรือทั้งปี 2013 ซึ่งโดยส่วนใหญ่กำหนดวัน XD ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี สำหรับหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะจ่ายปันผลที่เป็น Remaining Yield (หักปันผลระหว่างกาลไปแล้ว) สูงกว่า 4.5% ได้แก่ TMT (7.4%), TISCO (6.1%), KTB (5.2%), DELTA (5.2%), BTSGIF (5.0%), AP (4.8%)
 
ส่วนหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะจ่ายปันผลสำหรับปี 2556 ในเกณฑ์สูง คือ คาดการณ์ว่าจะให้ Dividend Yield ประมาณ 6%-9% ประกอบด้วย SRICHA- BTSGIF- CPNRF- TMT- CSL- MODERN- DCC- LPN- HEMRAJ- BCP- INTUCH- BECL- LH- MK-LHK- TTW- BTS- SPALI- KTB- QH- TISCO- DELTA- ADVANC- SC- AP และ PTTGC
 
ย้ำ!!!! แม้นักลงทุนไม่ต้องถือหุ้นเป็นปีเพื่อรอดอกผลจากเงินปันผล เพียงแค่ลงทุนระยะเวลาก่อนฤดูจ่ายปันผลล่วงหน้า 1-2 เดือนเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้การันตีว่า ราคาหุ้นจะไม่ปรับลงหากถือจนรับปันผล แต่รูปแบบการลงทุนเช่นนี้ จะเหมาะกับกลุ่มที่เลือกไทม์มิ่ง ที่เหมาะสมกับการบริหารเงินในช่วงนั้นๆ ขณะที่สไตล์นักลงทุนระยะยาวคงไม่ต้องใส่ใจรับปันผลทุกๆปี 5-9 % ดีกว่าฝากแบงก์ก็น่าจะดี ราคาคงไม่ต้องกังวลเพราะในระยะยาวธุรกิจที่มีกำไรและเติบโตสม่ำเสมอราคาก็จะต้องขยับแน่นอน
 

LastUpdate 29/01/2557 12:23:02 โดย : Admin
23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 3:45 pm