ธนาคารโลกประเมิน ในปี 2557 เศรษฐกิจไทย(GDP)จะโตราว 4% ส่งออกแนวโน้มโตได้ 6% แต่การบริโภคยังอ่อนแอ ชี้เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย รวม ปัจจัยเสี่ยงหนี้สินภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ความไม่แน่นอนทางการเมืองและโครงการภาครัฐล่าช้า
น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารโลก (World Bank) ประเมินว่า ในปี 2557 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ของไทยจะเติบโตได้ราว 4% โดยการส่งออกมีแนวโน้มเติบโตได้ 6% มาที่มูลค่า 238,920 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าจะเติบโตได้ 5% ที่มูลค่า 229,994 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกินดุลการค้า 8,927 ล้านดอลลาร์ แต่จะมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1,073 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 0.3% ของจีดีพี ส่วนการลงทุนของภาคเอกชนยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ 5% ขณะที่การบริโภคยังอ่อนแอ
ธนาคารโลกยังประเมินว่า ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทย 3 ด้าน คือ 1.หนี้สินภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง 2.ความล่าช้าในการดำเนินโครงการของภาครัฐ และ 3.ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่จะส่งผลกระทบต่อรายได้การท่องเที่ยวที่อาจจะลดลง ตลอดจนทำให้การดำเนินนโยบายของภาครัฐขาดความต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง และการให้ความสำคัญกับนโยบายในการพัฒนาประเทศในระยะยาวก็น้อยลงตามไปด้วย
สำหรับระยะยาว ธนาคารโลกเห็นว่าภาครัฐควรให้ความสำคัญในการกระจายการใช้จ่ายของภาครัฐให้ทั่วถึง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำที่ยังมีอยู่ในระดับสูง โดยการมุ่งดำเนินนโยบายการใช้จ่ายของภาครัฐในภูมิภาค นอกจากนี้ควรปรับปรุงการกระจายรายได้ เพื่อลดการควบคุมจากหน่วยงานส่วนกลาง หรือให้มีการควบรวมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีขนาดเล็ก และเพิ่มความรับผิดชอบในระดับท้องถิ่นให้มากขึ้น
น.ส.กิริฎา ยังกล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2556 โดยระบุว่า ธนาคารโลกมองว่า GDP ของไทยในปี 2556 ที่ผ่านมาเติบโตได้ 3% เนื่องจากการส่งออก การบริโภคภาคครัวเรือน การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐชะลอตัวลง แต่การท่องเที่ยวเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ ถึง 20% เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว แต่ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงท้ายปี 2556 ที่ผ่านมา
ข่าวเด่น