จากสภาพอากาศในขณะนี้ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจเครื่องปรับอากาศเริ่มออกมาเปิดแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อกระตุ้นยอดขายเครื่องปรับอากาศในฤดูการขายที่กำลังจะเข้ามาในเร็วๆนี้ หลังจากปีที่ผ่านมาภาพรวมเครื่องอากาศต้องอยู่ในสภาวะที่ทรงตัว เนื่องจากภาครัฐมีการชะลอการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ
ขณะเดียวกันภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคก็อยู่ในสภาวะที่ชะลอตัว จึงทำให้ภาพรวมยอดขายเครื่องปรับอากาศในปีที่ผ่านมาไม่มีการขยับมากนัก เพราะผู้บริโภคยังคงระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอย ภายหลังใช้เงินส่วนหนึ่งไปกับโครงการรถคันแรก ประกอบกับสภาพอากาศไม่ค่อยเอื้อต่อการทำตลาดมากนัก เนื่องจากเกิดฝนตกก่อนฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปีที่ผ่านมาภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศชะลอตัว แต่จากการที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ปีนี้สภาพอากาศน่าจะร้อนมากและร้อนนาน เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ แม้ว่าต้นปีนี้จะมีสภาพอากาศที่เย็น แต่ก็มีความมั่นใจว่าภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในสิ้นปีนี้จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 12,800 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 15% หรือมียอดขายเป็นจำนวนยูนิตอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านเครื่อง เติบโตจากปีที่ผ่านมา 12-13%
นายสมพร จันกรีนภาวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสธุรกิจเครื่องปรับอากาศ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดรวมเครื่องปรับอากาศในปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 15% เพราะคาดว่าอากาศน่าจะร้อนจัด ดังนั้นบริษัทจึงเปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยในส่วนของปีนี้ได้มีการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เพราะจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่า ผู้บริโภคหันมาซื้อเครื่องปรับอากาศที่ให้ความเย็น ประหยัดพลังงาน และเพื่อสุขภาพมากขึ้น
ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว ซัมซุง จึงได้คิดค้นและพัฒนาสินค้านวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้แนวคิด ‘Happier Homes’ เนื่องจาก ซัมซุง เชื่อว่าเครื่องปรับอากาศนั้นเปรียบเสมือนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่อยู่เคียงข้างกันในทุกๆ ช่วงเวลา โดยในปีนี้ซัมซุงได้นำเสนอเครื่องปรับอากาศในดีไซน์สามเหลี่ยมใหม่ The Triangle ที่มาพร้อม สุดยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยกับประสิทธิภาพความเย็น “เย็นเร็ว เย็นไกล เย็นทั่วถึง” พร้อมกัน 25 รุ่น
จุดเด่นที่ทำให้ ซัมซุง มั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศซัมซุง The Triangle น่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคภายหลังจากเปิดตัวสินค้าดังกล่าวเข้าทำตลาดอย่างเป็นทางการคือ สินค้าดังกล่าวมีความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี 2 Step Cooling ได้แก่ Fast Cool ที่จะช่วยปรับอุณหภูมิของห้องให้เหมาะสมกับการพักผ่อนอย่างรวดเร็ว Comfort Cool ที่จะปรับแรงลมและอุณหภูมิให้คงที่ไม่หนาวจนเกินไป ทั้งยังประกอบด้วยเทคโนโลยีแผ่นกรองพิเศษ 3 Care Filter ที่ช่วยทั้งกรอง เชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียและภูมิแพ้ต่างๆ ที่สำคัญแผ่นกรองยังถอดล้างง่ายด้วยเทคโนโลยี Easy Filter และเพิ่มความมั่นใจเรื่องอากาศสะอาดได้อย่างเต็มที่ด้วยเทคโนโลยี ไวรัสด็อกเตอร์ (Virus Doctor)
นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีสมาร์ท อินเวอร์เตอร์ (Smart Inverter) ที่ช่วยปรับอุณหภูมิให้เย็นคงที่ต่อเนื่อง ประหยัดไฟได้มากถึง 60% ทั้งยังมีระบบควบคุมการสิ้นเปลืองพลังงานตามความต้องการ (Single User) ซึ่งประหยัดเพิ่มกว่าระบบอินเวอร์เตอร์ปกติ 26% และเทคโนโลยีไร้สายอัจฉริยะ (Smart Wi-Fi) ที่สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศผ่านโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทแท็บเล็ตได้ตลอดเวลาผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi เสมือนมีรีโมทคอนโทรลอยู่ในมือ จึงสามารถควบคุมเครื่องได้ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้เครื่องปรับอากาศ
หลังจากชูจุดเด่นในด้านของนวัตกรรมสินค้าแล้ว ซัมซุง ยังออกมาทำการตลาดเชิงรุก ด้วยการทำการสื่อสารการตลาดอย่างเต็มรูปแบบผ่านกลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดแบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งสื่อโฆษณา โดยภาพยนตร์โฆษณา The Triangle ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในปลายเดือนก.พ. นี้ ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะทำสื่อประชาสัมพันธ์ และสื่อออนไลน์โดยเน้นการทำ CRM รวมถึงสื่อในร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบดิสเพลย์หน้าร้านให้สอดคล้องกับดีไซน์สามเหลี่ยมของตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างการรับรู้และนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงอย่างแท้จริง
นายสมพร กล่าวว่า เพื่อสร้างแบรนด์เครื่องปรับอากาศ ซัมซุง The Triangle ให้เป็นที่รู้จักเร็วขึ้น บริษัทยังคงทำการสื่อสารการตลาดผ่าน “แอฟ ทักษอร และสงกรานต์ เตชะณรงค์” ซึ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าดังกล่าวเหมือนเดิม พร้อมกันนี้ ยังเตรียมจัดแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคให้มาซื้อเครื่องปรับอากาศ ซัมซุง The Triangle ง่ายขึ้นผ่านแคมเปญ “คลายร้อนผ่อนยาว” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือนมี.ค.-เม.ย. นี้ โดยหลังจากออกมาทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องคาดว่า สิ้นปีจะมียอดขายใกล้เคียงกับภาพรวมตลาดที่ประมาณ 15%
ด้านนายสินเมธ อิ่มเอม หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่า ขณะนี้จะมีปัจจัยลบทางการเมืองเกิดขึ้น ทำให้ผู้บริโภคชะลอกำลังซื้อ แต่จากการที่ผู้ประกอบการในธุรกิจเครื่องปรับอากาศออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่ และทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้กลับมาเติบโตได้มากกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ แอลจี ในปีนี้เบื้องต้นเตรียมงบประมาณ 300 ล้านบาท ในการทำตลาดเครื่องปรับอากาศ และเปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดจำนวน 29 รุ่น ซึ่งถือว่ามากกว่าปี 2556 เนื่องจาก แอลจี ต้องการกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้า และผลักดันให้เครื่องปรับอากาศ แอลจี มีอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
จุดแข็งของ แอลจี สำหรับการทำตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้ คือ การเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ภายใต้ชื่อ “แอลจี อาร์ต คูล อินเวอร์เตอร์ วี วอยซ์ เมท” หรือ นวัตกรรมแห่งความชาญฉลาดและดีไซน์เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียงผ่านฟีเจอร์ “วอยซ์ เมท” (Voice Mate) ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย ผสานกับเทคโนโลยีประหยัดพลังงานและเทคโนโลยีดูแลสุขภาพ
นายยอน โฮ (ไมเคิล) เจิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยมาตลอด เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายและเหนือระดับ สำหรับเครื่องปรับอากาศ ”แอลจี อาร์ต คูล อินเวอร์เตอร์ วี วอยซ์ เมท” แอลจีได้พัฒนาเทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียงผ่านฟีเจอร์ วอยซ์ เมท นับเป็นครั้งแรกในเอเชีย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสื่อสารกับเครื่องปรับอากาศได้ด้วยคำสั่งเสียงโดยไม่จำเป็นต้องใช้รีโมทในการควบคุม
นอกจากนี้ “แอลจี อาร์ต คูล อินเวอร์เตอร์ วี วอยซ์ เมท” ยังมีดีไซน์เรียบหรูสะดุดตา ด้วยกระจกแก้วเคลือบเงาแบบฉบับเฉพาะของอาร์ตคูล พร้อมใบพัดสวิงตั้งฉากในระดับสายตา เพื่อความสวยงามและเพิ่มความสามารถในการไหลเวียนของกระแสลม พร้อมกันนี้ แอลจี ยังให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมด้วยระบบอินเวอร์เตอร์ ที่ปรับเปลี่ยนรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ตามการใช้งานจริง สามารถทำความเย็นได้เร็วขึ้น 1.5 เท่า และทำให้ประหยัดไฟฟ้ากว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไปได้สูงถึง 60% โดยทำงานด้วยระดับเสียงเงียบเพียง 19 เดซิเบล
หลังจากออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่พร้อมกับอัดงบทำตลาดมากถึง 300 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร 360 องศา ทั้งโฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมส่งเสริมการขาย ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง การปรับปรุงดิสเพลย์หน้าร้าน การจัดโร้ดโชว์ใน 60 จังหวัดทั่วประเทศ และการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องสินค้าอย่างแท้จริง รวมไปถึงการดึง ชาคริต และวุ้นเส้น-วิริฒิพา แย้มนาม มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อช่วยสร้างภาพลักษณ์สินค้า ทำให้แอลจีมั่นใจว่าสิ้นปีนี้น่าจะมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือมีส่วนแบ่งการตลาดไม่ต่ำกว่า 25% ในตลาดเครื่องปรับอากาศ
ก่อนหน้าที่แอลจีกับซัมซุงจะออกมาเปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็ออกมาประกาศแผนทำตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดจำนวน 10 รุ่น พร้อมกับชูจุดเด่นของเครื่องปรับอากาศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานมากขึ้น ด้วยซีรี่ย์ของสินค้าที่ใช้น้ำยาทำความเย็น R410A ซึ่งจะมีอยู่ทั้งในเครื่องปรับอากาศรุ่นปกติและรุ่นอินเวอร์เตอร์
เช่นเดียวกับบริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องปรับอากาศภายใต้แบรนด์มิตซูบิชิ ที่ออกมานำเสนอสินค้านวัตกรรมใหม่ล่าสุด เพื่อคุณ เพื่อโลก ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ชื่อ เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์ สลิม ใหม่ สุดแห่งเทคโนโลยีด้วยความเย็นสบาย และประหยัดพลังงาน ด้วยเซ็นเซอร์อัจฉริยะ Move – eye human sensor
ออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่กันอย่างคึกคักขนาดนี้ เป้าหมายที่คาดการณ์กันว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศปีนี้จะเติบโตได้ที่ 15% น่าจะถึงเป้าได้ไม่ยาก แต่ทั้งนี้ก็คงต้องลุ้นกันที่ปัจจัยในด้านของเศรษฐกิจ การเมือง และสภาพอากาศในช่วงหน้าขายที่กำลังจะเข้ามาถึงนี้อีกครั้งว่า จะเอื้อต่อการทำตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้หรือไม่ เพราะตอนนี้ฝั่งผู้บริโภคยังคงส่งสัญญาณชะลอกำลังซื้อ
ข่าวเด่น