เพียงหนึ่งวันหลังจาก  ราเชล  เฟรดิกสัน  สาวน้อยวัย  24 ปี คว้าตำแหน่งชนะเลิศจากรายการ The Biggest Loser เรียลลิตี้ลดน้ำหนักสุดฮิต รายการก็กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ  ทาวน์

สาเหตุที่เป็นทอล์ก ออฟ  เดอะ ทาวน์  ไม่ใช่เพราะเงินรางวัล 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่เธอได้รับ แต่เป็นเรื่องของการลดน้ำหนักที่เธอลดได้ถึงร้อยละ 60  นับตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของรายการ โดยลดจาก  260 ปอนด์ (118 กิโลกรัม) ลงมาอยู่ที่ 105 ปอนด์  (47 กิโลกรัม)

การลดน้ำหนักมากขนาดนั้น ทำให้หลายฝ่ายมองว่าลดมากเกินไปหรือเปล่า ผู้ชมรายการหลายแสดงความคิดเห็นว่า เฟรดริกสัน ดูผอมเกินไปเหมือนคนที่ป่วยเป็นโรคอนาร็อกเซียหรือคนที่กลัวอ้วนและเมื่อคำนวนดัชนีมวลกาย ซึ่งคำนวนจากส่วนสูงเทียบกับน้ำหนักของเธอก็กลายเป็นว่าตอนนี้เธอมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ปรกติ 

จิลเลียน แลมเพิร์ท  ผู้อำนวยการอาวุโสของ Emily Program ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้แสดงความเป็นห่วง แต่เธอมองว่าการไปวิจารณ์ไปที่ เฟรเดอริกสัน โดยตรงไม่มีประโยชน์

"ในสังคม เรามักจะล้อ วิพากษ์วิจารณ์คนที่มีน้ำหนักเกินนั่นคือ ส่วนหนึ่งว่าทำไมถึงเกิดรายการ The Biggest Loser  ขึ้นมาและตอนนี้ คนในสังคมก็วิจารณ์คนที่น้ำหนักน้อยกว่าปรกติอีก" แลมเพิร์ทกล่าว ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด ที่ตัวของ แลมเพิร์ทอยากสื่อสารไปถึงทุกคนคือ ให้สนใจเรื่องสุขภาพ ซึ่งสุขภาพจะดีได้ต้องรับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกาย และพักผ่อนเพียงพอ

โจแอน อิเคดา นักโภชนาการ พูดถึงอีกประเด็นที่สำคัญนอกเหนือกจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว
เรื่องของความพึงพอใจใจในตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหลายต่อหลายคนไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง โดยเฉพาะผู้หญิงบางคนบ่นกระทั่งไม่พอใจรูปร่างนิ้วมือของตัวเอง ไม่พอใจความยาวของผมตัวเอง จริงๆแล้วคนเราต่างมีความสวยงามในแบบฉบับของตนเอง  ซึ่ง อิเคดา มองว่า โชคดีที่มนุษย์ไม่ได้เหมือนกันไปหมดจนหาความแตกต่างไม่ได้

สำหรับเฟเดอริกสัน  เอง ยังไม่ได้ออกมาตอบโต้คำวิพากษ์วิจารณ์โดยตรงแต่ก็ยืนยันว่าจะพยายามรักษาตัวเองให้มีสุขภาพดีต่อไป

แน่นอนว่าเราคงยังไม่รู้ว่าสุขภาพของ เฟเดอริกสัน จะเป็นอย่างไร

แต่บทเรียนหนึ่งที่รายการ The Biggest Loser น่าจะได้คือ อาจต้องปรับกฎกติกา และเน้นให้ผู้เข้าแข่งขันภูมิใจในตัวเอง จากเดิมที่วัดผู้ชนะในรอบสุดท้ายและวัดผลการแพ้ชนะจากน้ำหนักที่ลดได้เพียงอย่างเดียว เพื่อที่จะไม่ต้องถูกโจมตีว่าไร้ความรับผิดชอบเหมือนในครั้งนี้