บล.บัวหลวงปรับตัวรับตลาดหลักทรัพย์ไทยผันผวนแรง มุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่และการลงทุนคุณภาพมากกว่าเน้นกำไร ตั้งเป้าขยายลูกค้าเปิดบัญชีใหม่ 15,000 บ/ช ล้อตามวอลุ่มตลาด พร้อมมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ แนะเล่นหุ้นกลุ่มปลอดภัยอย่าง หุ้นกลุ่มส่งออก กลุ่มอิเล็กทรนิกส์ กลุ่มอาหาร กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มพลังงาน เลี่ยงกลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยว
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการและนายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน)เปิดเผยภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทยในปัจจุบันว่า มีความผันผวนสูง ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบและความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยมีปริมาณการซื้อขายลดลงอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อวัน จากเฉลี่ยประมาณ 50,000 ล้านบาทต่อวันของปี 2556 ที่ผ่านมา นักลงทุนจำเป็นต้องจับตาการเมืองกันแบบวันต่อวันหากเป็นการลงทุนระยะ สั้น แต่ถ้าลงทุนระยะยาวให้ดูที่พื้นฐาน ซึ่งขณะนี้เป็นโอกาสเพราะเป็นช่วงที่ราคาปรับลงไปมาก
ทั้งนี้นายพิเชษฐมองว่า ดัชนี SET จะไม่วิ่งขึ้นหรือลงไปไกล ขึ้นอยู่กับปัจจัยในอนาคต โดยกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX ในระยะสั้นคาดว่าจะอยู่ที่ 1,300-1,350 จุด ถ้าหลุดจากระดับ 1,300 จุด ต้องระมัดระวังเพิ่ม ชี้หากปัญหาทางการเมืองยืดเยื้อลากยาวไปถึงไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผลตอบแทนจากการลงทุน โดยตลาดหุ้นไทยอาจจะปรับลดลงเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านราว 20% ขึ้นไป
หุ้นที่แนะนำได้แก่ หุ้นกลุ่มส่งออก กลุ่มอิเล็กทรนิกส์ กลุ่มอาหาร กลุ่มปิโตรเคมีที่ราคาอิงกับตลาดต่างประเทศและหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ยังแนะมองหุ้นมีปันผลดี ซึ่งจะจ่ายกันราวเดือนมีนาคมและเมษายนนี้ โดยปกติหุ้นที่มีปันผลดี 5-6% มักจะเห็นมีนักลงทุนเข้าไป
สำหรับหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงอาทิ หุ้นกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์เนื่องจากโครงการใหม่มี การชะลอออกไป สำหรับหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองและข่าว เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มชินวัตรคาดว่า จะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้น
ในภาวะตลาดที่ผันผวนและมีแนวโน้มปรับลดลงแรง แต่บล.บัวหลวงยังตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2557 แม้ไม่คิดว่าจะสามารถทำกำไรได้ดีเหมือนปี 2556 ที่ผ่านมา เพราะรายได้และผลกำไรของบริษัทจะขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นสำคัญ ซึ่งในปี 2556 ถือเป็นปีที่ดีมาก มีรายได้รวม 3,332 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 40.6% (เพิ่มจาก 2,379 ล้านบาทปี 2555) มีกำไรสุทธิ 1,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 48.88% (จาก 802 ล้านบาทปี 2555)
ด้านนายบรรณรงค์กล่าวว่า บล.บัวหลวงไม่ได้เน้นสร้างกำไร โดยตามแผนธุรกิจปี 2557 บล.บัวหลวง เน้นในการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆและการลงทุนที่มีคุณภาพ สร้างสรรค์นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆและการฝึกอบรมให้ความรู้แก่นักลงทุนมากกว่า โดยตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่กับบริษัทไว้ที่ 15,000 บัญชี ซึ่งนับว่าลดลงมากเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีลูกค้าเปิดบัญชีใหม่สูงประมาณ 40,000 บัญชีต่อปีหรือ 2,000-3,000 บัญชีต่อเดือน (จาก 12,000 บัญชีหรือ200-300 ต่อเดือนปี 2555) ผลจากการกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยธนาคารต่ำกว่าเงินเฟ้อจึงมองหาการลงทุนใหม่ ๆ
สำหรับนวัตกรรมด้านการลงทุนที่ทำขึ้นคือ การจัดทำระบบวิเคราะห์ผลงานการลงทุนของนักลงทุน โดยนำการลงทุนทั้งหมดมาประมวลผลเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ขาดทุนหรือกำไรอย่างไร ต้องปรับปรุงอะไรบ้างเพื่อช่วยลูกค้าพัฒนาทักษะการลงทุน ในขณะที่กิจกรรมอบรมให้ความรู้หรือกิจกรรมฝึกทักษะการลงทุน “The Stock Master” ที่ดำเนินต่อไป ที่ Bualuang Invesment Station สถานีการเรียนรู้การลงทุน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 แห่ง ที่บล.บัวหลวงสาขาซิลลิคเฮาส์ สีลม กรุงเทพฯและที่จ.ระยอง
นอกจากนี้บล.บัวหลวงจะร่วมมือกับร้านโอบองแปง เพราะมองว่า การลงทุนเป็นเรื่องใกล้ตัวและเพื่อใกล้ชิดกับนักลงทุน โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงและความรู้ได้ง่ายขึ้นผ่านเครื่อง Kiosk ของบล.บัวหลวงในสาขาโอบองแปงชั้นนำ ซึ่งจะทำให้ภาพการลงทุนเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ ในบรรยากาศสบาย ๆ
ส่วนผลิตภัณฑ์ Derivative Warrants ใหม่ ๆ ที่จะออกมาในปี 2557 จะใกล้เคียงกับปี 2556 ที่ออกมา 214 ตัว โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 65% ของการซื้อขาย ขณะที่บล.บัวหลวงมีส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ 4.42%
ข่าวเด่น