เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
"ข้าวไทย" ดาวร่วงในตลาดอาเซียน


 

 

 

ข้าวไทยในตลาดโลก "น่าเป็นห่วง"  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินปี 2557  ข้าวไทยจะเป็นดาวร่วงในตลาดอาเซียน เหตุผู้ซื้อลดลง กังวลคุณภาพ ชี้กำไรสุทธิต่อไร่ของชาวนาไทยอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในอาเซียน เหตุต้นทุนสูงแม้ราคาข้าวสูงและผลผลิต่อไร่ต่ำ

 

 


 

 

สถานการณ์ข้าวไทยในตลาดโลก  ยังอยู่ในระดับที่เรียกว่า "น่าเป็นห่วง"  ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้าวไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายอัทธ์    พิศาลวานิช  ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ประเมินว่า  ในปี 2557 ข้าวไทยจะเป็นดาวร่วงในตลาดอาเซียน ทั้งในแง่ปริมาณการส่งออกและมูลค่า  โดยคาดว่าไทยจะส่งออกได้ประมาณ 6.5-6.8 ล้านตัน ลดลง 2-5 แสนตัน จากปี 2556  ที่ส่งออกได้เกือบ 7 ล้านตัน หรือลดลง 2.85-7.14% มูลค่าจากการส่งออกหายไปประมาณ 30,710-34,580 ล้านบาท  โดยไทยจะยังเป็นผู้ส่งออกอันดับ 3 ในตลาดโลก รองจาก อินเดียและเวียดนาม

 

 


ส่วนอินเดีย คาดว่าจะส่งออกได้ประมาณ 9.30 ล้านตัน ลดลง 7 แสนตัน จากปี 2556 ที่ส่งออกได้ 10 ล้านตัน หรือลดลง 7% ขณะที่เวียดนามคาดว่าจะส่งออกได้ 7.80 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4 แสนตันจากปี 2556 ที่ส่งออก 7 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 5.41% แต่ที่ต้องจับตา คือ พม่า จะส่งออกได้ 1.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.05 ล้านตัน จากปี 2556 ที่ส่งออก 7.5 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้น 140%

สาเหตุที่ข้าวไทยเป็นดาวร่วง  เนื่องจากมีผู้ผลิตข้าวในอาเซียนเพิ่มขึ้น ผู้ซื้อๆ ข้าวจากไทยลดลง  โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อมาก 3 ประเทศ คือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย ที่แม้จะเปิด AEC แต่ก็ยังไม่ลดภาษีนำเข้าข้าวเป็น 0% และ 3 ประเทศนี้ยังมีนโยบายในการปลูกข้าวเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ซื้อรายอื่นๆ มีความวิตกกังวลเรื่องคุณภาพข้าวไทยและไม่ต้องการซื้อข้าวที่เก็บไว้นาน 

ในด้านการผลิตข้าวของไทย พบว่า  ขณะนี้กำไรสุทธิต่อไร่ของชาวนาไทยอยู่ในระดับที่ต่ำสุดของชาวนาในกลุ่ม ประเทศอาเซียน  โดยผลศึกษาพบว่า  ชาวนาไทยมีกำไรสุทธิที่ 1,555.97 บาทต่อไร  ต่ำกว่าชาวนาพม่าที่มีกำไรสุทธิ 3,484.1 บาทต่อไร่ และเวียดนามมีกำไรสุทธิ 3,180.74 บาทต่อไร่    เนื่องจากต้นทุนการผลิตของชาวนาไทยสูงกว่าประเทศอื่นๆอย่างมาก  แม้ว่าราคาข้าวไทยจะสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม

ขณะที่ชาวนาในประเทศไทยจะมีการถือครองที่ดินเฉลี่ยที่ 20 ไร่ต่อครัวเรือน โดยปริมาณข้าว 1 ตัน ต้องใช้ที่ดิน 2.22 ไร่ และแต่ละปีทำนาได้ 2 ครั้ง ส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่ 28,035.5 บาทต่อปี    ส่วนเวียดนามจะถือครองที่ดินรายละ 6.25 ไร่ มีผลผลิต 1 ตัน ต่อนา 1.11 ไร่ ในแต่ละปีทำนาได้ 3 ครั้ง ทำให้มีกำไรสุทธิ 54,217.23 บาทต่อปี และ พม่าถือครองที่ดิน 10 ไร่ต่อราย ผลผลิตข้าว 1 ตันต่อนา 2.38 ไร่ แต่ละปีทำนา 2 ครั้งทำให้มีกำไรสุทธิ29,278.11 บาทต่อตัน

“จากการสำรวจปี 55  ชาวนาไทยมีต้นทุน 9,763.4 บาทต่อไร่ มีรายได้ 11,319.37 บาทส่งผลให้มีเงินเหลือ 1,555.97 บาท  ส่วนเวียดนามมีต้นทุน 4,070.76 บาทต่อไร่ มีรายได้ 7,251.5 บาท และเงินเหลือ 3,180.74 บาท  ขณะที่พม่า มีต้นทุน 7,121.76 บาท รายได้ 10,605.86 บาท และ เงินเหลือ 3,484.1 บาท  สะท้อนว่าชาวนาไทยจนที่สุดในอาเซียนแม้จะมีรายได้มากที่สุดและที่ดินเฉลี่ย เยอะที่สุด แต่ปัญหาคือชาวนาไทยมีต้นทุนสูงสุด”

ประเทศ            ต้นทุน (บาท/ไร่)      รายได้                เงินเหลือ     
  ไทย              9,763.4                  11,319.37          1,555.97 
 เวียดนาม         4,070.76                  7,251.5            3,180.74
 พม่า               7,121.76                10,605.86           3,484.1 
 


LastUpdate 26/02/2557 10:50:46 โดย : Admin
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 2:02 am