การตลาด
ซีพีเอฟตั้งธง 5 ปีโตอย่างมั่นคง 10% ต่อปี เล็งทุ่มงบ 5 หมื่นล้านลุยธุรกิจตปท.เป็นหลัก รับปี 56 กำไร 7,000 ล้านบาท แต่พลาดเป้า แย่สุดในรอบ 10 ปี


 

 

 

ซีพีเอฟแจงปี 56 ผลการดำเนินงานพลาดเป้า กำไรสุทธิ  7,000 ล้านบาท แย่สุดในรอบ  10 ปีหรือลดกว่าปี  55 ถึง 60% ผลจากหลายปัจจัยรุมเร้า แต่มั่นใจจะเติบโตได้ต่อเนื่องและมั่นคงในปี 57 และในระยะ 5 ปีข้างหน้า มียอดขายโตไม่ต่ำกว่า 10 %ต่อปี อาศัยกลยุทธ์หลายอย่าง รวมทุ่มงบลงทุน 5 หมื่นล้านบาท ปีละ  1 หมื่นล้านบาท

 

 

 

 

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหารบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” เผยวิสัยทัศน์การดำเนินงานซีพีเอฟเน้นการเป็นครัวของโลกและมุ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยมีธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ครอบคลุม  12 ประเทศที่มีประชากรมากกว่า  3,000 ล้านคน มีการผลิตขายในไทยมากกว่า  30% และส่งออกไปขายต่างประเทศมากกว่า 60% หรือกว่า  40 ประเทศ  ในปี  2556 ที่ผ่านมาซีพีเอฟยังมีการเติบโตกว่าปี  2555 อยู่  9% โดยมียอดขาย 389,251 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ  7,000 ล้านบาท แต่ถือว่าพลาดเป้าหรือต่ำกว่าเป้าถึง  60% นับเป็นกำไรที่แย่ที่สุดในรอบ  10 ปี

 

 

 

สาเหตุเนื่องจากปี  2556 เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น การเกิดโรคตายด่วน หรือ EMS (Early Mortality Syndrome) ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งทั้งในไทย มาเลเซีย เวียดนามและจีน ภาวะผลผลิตล้นตลาดของสัตว์บกอย่างไก่และสุกร ในไทย เวียดนาม ตุรกิจและอินเดีย ส่งผลราคาตกต่ำ ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบพวกอาหารสัตว์ราคาสูงขึ้น

 

 

 

 

อย่างไรก็ดีนายอดิเรกกล่าวว่า  ในปี 2557 ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องด้วยยอดขายเติบโตอย่างน้อย 10%  มีมูลค่าอย่างน้อยที่  450,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าสร้างการเติบโตระยะ 5  ปี (2557-2561) ไม่ต่ำกว่า  10% ต่อปี  โดยมุ่งขยายฐานรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 70-75% และประมาณ 20% จะมาจากในประเทศ  ในขณะที่ฐานรายได้ในปัจจุบันมีรายได้จากต่างประเทศมากกว่า 60% และในประเทศมากกว่า  30% มั่นใจยอดขายจะสามารถพุ่งแตะระดับ 700,000-800,000 ล้านบาทได้

 

 

 

 

ทั้งนี้การสร้างธุรกิจที่เติบโตดังกล่าวจะมาจากกลยุทธ์ 3 อย่าง ได้แก่ การมุ่งเติบโตโดยทำธุรกิจอย่างครบวงจร ช่วยเสริมรายได้อย่างต่อเนื่อง  การเข้าซื้อธุรกิจเพื่อเสริมหรือมีผลต่อเนื่อง และการมุ่งสร้างความเป็นเลิศในการดำเนินงาน โดยสร้างสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคยอมรับ ซึ่งซีพีเอฟทำธุรกิจอาหารจึงมุ่งผลิตอาหารที่ปลอดภัย ตรวจสอบย้อนหลังได้ ขณะเดียวกับยังเน้นการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการดำเนินงานและผลักดันเป็นองค์กรต้นแบบนวัตกรรมและสนับสนุนให้บุคลากรอยู่ในวัฒนธรรมเดียวกัน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศและการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

นายอดิเรกมอง ภาพปี  2557 และภาพรวมระยะ  5 ปีสถานการณ์ในแง่ดี โดยเฉพาะปี  2557 นี้ ซีพีเอฟจะพลิกฟื้นกลับมาดีมากทั้งในแง่ของยอดขายและผลกำไร โดยชี้ว่าการทำกำไรที่ระดับ  10,000 ล้านบาททำได้ไม่ยาก ทั้งนี้เนื่องจากมีสัญญาณหลายอย่างดีขึ้น อาทิ ปัญหาเรื่องกุ้งเรื่องคลี่คลาย เชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยในช่วงตกต่ำซีพีเอฟขายลูกกุ้งได้ประมาณ   1,000 ล้านตัวต่อเดือนจากประมาณ 3,000 ล้านตัวต่อเดือนในช่วงที่ดี โดยเวลานี้ดีขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ  1,700 ล้านตัวและส่งผลดีต่อเนื่องถึงการขายอาหารกุ้งและมีกุ้งป้อนส่งออกเพิ่มขึ้น คาดครึ่งปีหลังจะเห็นภาพการผลิตที่ชัดเจนขึ้น

 

 

 

 

ส่วนราคาเนื้อสัตว์ได้ปรับดีขึ้นมาแล้วทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำตั้งแต่ไตรมาสที่ 4  ปีที่แล้ว ในขณะที่ราคาวัตถุดิบ อาหารสัตว์ราคาลดลงมาแล้ว โดยราคาข้าวโพดลดลงมาถึง 20%  นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวสำคัญจากญี่ปุ่นที่อนุญาตให้นำเข้าไก่สดจากไทยได้แล้ว แม้ปีนี้ยังขายไม่มากแต่คาดว่าจะมียอดขายราว  30,000-40,000 ตัน เพราะมักเน้นขายผลิตภัณฑ์ไก่สำเร็จรูปมากกว่า แต่ระยะยาวคาดว่าจะดี

 

ทั้งนี้ซีพีเอฟเตรียมงบประมาณ  50,000 ล้านบาทเพื่อการลงทุนในระยะ  5 ปี ๆ ละ  10,000 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนในต่างประเทศมากกว่า  50% เพื่อขยายกำลังผลิตในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันฐานการผลิตใหญ่ของซีพีเอฟอยู่ที่จีน ที่เป็นฐานการผลิตใหญ่อันดับ  2 มียอดขายมากกว่า  100,000 ล้านต่อปี นอกจากนี้ยังมีเวียดนาม อินเดีย ไต้หวัน ตุรกีและมาเลเซียส่วนการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศยังมีการเจรจาซื้อเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมและขยายตลาด ต่อเนื่อง หลังจากในปีที่ 2556 ที่ผ่านมากระทั่งปัจจุบัน ซีพีเอฟซื้อกิจการไปหลายรายการได้แก่ ลงทุนในซีพี- เมจิ 60%  ลงทุนในธุรกิจสุกร  RPBI  ที่รัสเซีย  69.7%  ลงทุนในโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ Tops Foods ที่ทันสมัยในเบลเยี่ยม 80% และล่าสุดลงทุนในธุรกิจสวีเดน  BHJ  29%  

 

นอกเหนือจากนี้การเติบโตอย่างมั่นคงของซีพีเอฟยังจะมาจากการบริหารจัดการต้นทุนการเงินด้วย ซึ่งในช่วงต้นปีได้มีการออกหุ้นกู้ไปเป็นมูลค่า  290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง สามารถช่วยบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยไปได้เฉลี่ยปีละ  400 ล้านบาทและยังมีแผนออกอย่างต่อเนื่องเพื่อมาชำระดีลที่ครบสัญญา 

 

นายอดิเรกยังมองว่า สำหรับปัญหาการเมืองในประเทศขณะนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจของซีพีเอฟ เนื่องจากเป็นธุรกิจอาหารที่ต้องบริโภค แม้กำลังซื้ออย่างอื่นชะลอตัวลง แต่ด้านอาหารไม่ชะลอลง ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจของไทยนั้น สถานะของไทยมีพื้นฐานที่ดีอยู่ แม้หลายฝ่ายจะคาดการเศรษฐกิจจะเติบโตได้น้อย แต่ปีหน้าเข้าสู่ AEC แล้วซึ่งมีประชากรในภูมิภาคหลายร้อยล้านคนและไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อทางใต้ของจีนได้ด้วย ถ้าการเมืองคลี่คลายลงได้ ประเทศจะสามารถเดินหน้าได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


LastUpdate 26/02/2557 20:50:33 โดย : Admin
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 1:02 am