SCB EIC ประเมินว่า ปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งจะส่งผลทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปี 2557 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.4% แม้ส่งออกโต แต่ท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มลดลง รายได้จากท่องเที่ยวโตไม่ถึง 10 %จากเดิม 25% ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เชื่อโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยมี หากส่งออกติดลบลากยาวถึงไตรมาส 2
สถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. กับรัฐบาล ที่ยาวนานกว่า 4 เดือน ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวมากขึ้น รวมทั้งยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ต่ำกว่า 3% ก็มีน้ำหนักมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปีของเศรษฐกิจไทย โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC ประเมินว่า ปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งจะส่งผลทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปี 2557 จะขยายตัวมากกว่า 2.9% จากปีที่แล้วมีน้อย โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 2.4% ถึงแม้ว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ แต่ภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มลดลง โดยรายได้จากการท่องเที่ยวขยายตัวได้ไม่ถึง 10 %จากเดิม 25%
จากเหตุดังกล่าวจะทำให้แรงงานในภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และค้าส่งและค้าปลีก ได้รับผลกระทบ นายจ้างอาจต้องปรับลดเงินเดือน หรือแม้กระทั่งปรับลดคนงาน ซึ่งจะส่งผลลบต่อการบริโภคของครัวเรือน
ขณะที่การบริโภคในปีนี้ SCB EIC ประเมินว่า การบริโภคภาคเอกชนในปี 2557 จะขยายตัวได้ราว 0.8% เท่านั้น โดยการบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องเป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจที่พึ่งพาอุปสงค์ในประเทศเป็นหลัก เช่น การก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ ส่วนการลงทุนนั้น ธุรกิจส่วนใหญ่มีแนวโน้มชะลอการลงทุนไปจนกว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยการลงทุนในปีนี้จะเติบโตได้ราว 2.2% ซึ่งค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตในอดีต
สำหรับภาวะเงินทุนไหลออกของในตลาดเกิดใหม่ โอกาสที่ไทยจะพบกับแรงกดดันเช่นเดียวกับกลุ่มประเทศเหล่านั้นน่าจะไม่สูงนัก เนื่องจากเรามีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าอย่างชัดเจน ทั้งการที่เงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำ และไทยเองไม่ได้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเหมือนบางประเทศที่ประสบปัญหา โดยในปีนี้ SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 2.2% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำราว 1.3% จากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ
ส่วนดอกเบี้ยนโยบายโดยรวมนั้น SCB EIC ประเมินว่ากนง. น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลงมา อยู่ที่ประมาณ 1.75 % เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางการเงินของครัวเรือนและธุรกิจในภาวะที่รายได้มีแนวโน้มขยายตัวได้น้อย
**********************************
แนวโน้มเศรษฐกิจ
ที่มา: ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC
Key Indicators Unit Actual EIC forecast
2013 1Q14 2Q14 3Q14 4Q14 2014
อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP%YOY ) 2.90 0.10 0.40 3.70 5.40 2.40
เงินเฟ้อ -ทั่วไป ( %YOY) 2.20 1.80 2.20 2.20 2.40 2.20
เงินเฟ้อ - พื้นฐาน ( %YOY) 1.00 1.00 1.30 1.40 1.40 1.30
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ณ สิ้นสุดช่วงเวลา)%p.a. 2.25 2.00 1.75 1.75 1.75 1.75
เงินบาท (ณ สิ้นสุดช่วงเวลา)HB/USD 32.70 34.00 34.00 33.00 33.00 33.00
*************************************
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายการขยายตัวเศรษฐกิจหรือจีดีพีไว้ที่ 3% เพื่อรอดูความชัดเจนทางการเมืองในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยถือว่าอยู่ภายใต้ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่มีโอกาสยืดเยื้อต่อ โดยหากภายในเดือน เม.ย.นี้ไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะมีความเสี่ยงมากขึ้น และมีโอกาสที่จีดีพีจะเติบโตเพียงระดับ 2% ในปีนี้
ด้านนางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรฯ กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ นอกจากต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองแล้ว ปัจจัยที่มีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ อีกด้านคือ ส่งออก หากส่งออกไม่กลับมาขยายตัวเป็นบวกในไตรมาสแรกปีนี้ ก็มีความเสี่ยงที่เป้าหมายส่งออกจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ศูนย์วิจัยฯตั้งไว้ที่ 5% ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะโตในระดับต่ำมากขึ้น
ซึ่งจากการทำประเมินพบว่า จีดีพีไทยมีความเสี่ยงที่จะลงไปเหลือ 0.5% ได้ในปีนี้ หากการเมืองนำไปสู่ความเหตุการณ์รุนแรงภายในประเทศ ส่วนเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่นั้น เชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้ หากการส่งออกรูปดอลลาร์ติดลบในไตรมาสแรก และลากยาวไปถึงไตรมาส 2 ไม่มีปัจจัยหนุนอื่นๆ เพราะปัจจุบันการบริโภค การลงทุนของภาครัฐก็ติดลบ
ข่าวเด่น