หุ้นทอง
ลงทุนภาวะดอกเบี้ยขาลง ผู้ที่รับความเสี่ยงต่ำจะลงทุนอะไรดี


 

 

 

ในภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาลง กลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก บลจ.ได้มีการหาผลิตภัณฑ์การลงทุนเพื่อรักษาผลตอบแทนไม่ให้ลดลง ด้วยการผสมสินทรัพย์อื่นๆที่เรียกว่า Structure Product หรือ Capital protection fund รวมถึงการออกไปลงทุนในต่างประเทศระเภท ไฮยิลด์บอนด์ ผลตอบแทน 3.25-3.5 % ต่อปี

 

 

 

 

ในภาวะดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ในทิศทางขาลง สำหรับกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากเท่ากับการจะขยับการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น ทำได้ยาก ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ก็เริ่มลดลง จากปีที่ผ่านมากองทุนระยะสั้น 3-12 เดือนหรือ เทอมฟันด์ ผลตอบแทน ประมาณ 3.5 % แต่ปีนี้เหลือ 2.7-2.8 % เท่านั้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ยังสามารถจะเพิ่มโอกาสผลตอบแทนได้ในช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นทิศทางขาลงคือ กองทุน Structure Product หรือ Capital protection fund ซึ่งจะเป็นกองทุนที่รักษาเงินต้น แต่มีโอกาสลุ้นผลตอบแทนที่สูงกว่าลงทุนตราสารหนี้อย่างเดียว หรือบางรายนำเสนอกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่เป็นกลุ่ม ไอยิลด์ บอนด์

 

บลจ.กรุงไทยเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เสนอขายกองทุนเปิดเคแทม อิควิตี้ อินเด็กซ์ ลิงค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1 ปี 6 เดือน 2 (KT-EY1Y6M2) โดยจะเน้นลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝาก Bank of  China , China Construction Bank  ในสัดส่วน 44% ลงทุนตราสารในประเทศ ประเภทหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน /บริษัทเอกชน 5% ส่วนที่เหลือลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ได้แก่ สัญญาออปชั่น (Option)    ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี SET 50  โดยกองทุนจะจ่ายผลตอบแทน(ถ้ามี) ทุกๆรอบ6 เดือน

 

ซึ่งเงื่อนไขในแต่ละรอบของการจ่ายผลตอบแทน จะจ่ายผลตอบแทน โดยหาก ณ สิ้นวันใดวันหนึ่ง ในรอบ6 เดือน ราคาปิดดัชนี SET 50 Index เพิ่มขึ้นมากกว่า หรือเท่ากับ 20% ของราคาดัชนี SET 50 Index ต้นงวดในแต่ละรอบ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.33% ต่อ 6 เดือน

 

แต่ มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 6.66 % ต่อ 6 เดือน หาก ดัชนีราคา SET 50  Index เพิ่มขึ้น แต่ไม่ถึง 20%  ของราคา ณ วันเริ่มต้นงวด   หรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของอัตราเพิ่มของดัชนี  SET 50 Index

 

 

ส่วน บลจ.กสิกรไทย หันไปหาตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือ ไฮยิลด์บอนด์ ซึ่งรวมถึงตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment grade) หรืออาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Bond)เป็นต้น

 

ซึ่งล่าสุดที่อยู่ระหว่างเสนอขายผ่านกองทุนเปิดเค เอ็นเฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอช(KEFF1YH) อายุโครงการ 1 ปี ชูผลตอบแทน 3.25 % ต่อปี เน้นเจาะกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยกำหนดลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท

 

สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนKEFF1YH จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝากของ China Construction Bank Corporation เงินฝากของ Bank of China รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ Bank of East Asia, ประเทศฮ่องกง ตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จสำหรับ บลจ.กสิกรไทยโดย ตั้งแต่ต้นปี 2557 ได้เปิดเสนอขายกองทุนไปแล้วถึง 14 กองทุน รวมเป็นมูลค่ากว่า 70,961 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ดีนักลงทุนก็ควรใส่ใจกับสินทรัพย์ที่ไปลงทุนด้วยว่า มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่นักลงทุนรับได้หรือไม่ นอกจากนี้หากเป็นตราสารหนี้ต่างประเทศยังมีเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยว่า หากลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ กับผลตอบแทนที่ต่ำกว่า ประมาณ 2.7-2.8 % ต่อปี กับสัญญาณที่ทิศทางดอกเบี้ยในประเทศมีโอกาสปรับลงได้ อย่างน้อย 1 ครั้ง

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 มี.ค. 2557 เวลา : 13:55:38
23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 6:43 pm