เอฟดับบลิวดีเครื่องร้อน กางแผนงัด 3 กรมธรรม์ใหม่ ลุยปั๊มเบี้ยปี 57 ย้ำภาพสินค้าครบมือ ออมเงินเพื่อการศึกษา คุ้มครองชีวิต-สุขภาพ ควบลงทุนเพิ่มผลตอบแทน
นายไมค์ แพล็กซ์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้เตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อทำตลาดและขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ถึง 3 แบบ ประกอบด้วย "เอฟดับบลิวดี ยูนิตลิงค์" ซึ่งเป็นประกันชีวิตแบบควบลงทุน สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนในกองทุนรวมตามระดับความเสี่ยงที่เลือกได้เอง ทั้งตอบโจทย์เรื่องความยืดหยุ่นที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนได้ตลอดเวลา โดยจะขายผ่านธนาคารทหารไทย
ตามด้วยแบบประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองแบบครบถ้วนในกรมธรรม์ฉบับเดียว เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะปัจจัยด้านประชากรสูงวัย ที่คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 ประเทศไทยจะมีสัดส่วนประชากรสูงวัยมากถึง 20% ลูกค้าก็จะยิ่งต้องการประกันสุขภาพเพื่อรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่ยังคงสูงขึ้นเช่นกัน
กรมธรรม์ที่สาม จะเป็นประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เพื่อเป้าหมายทางการศึกษาของบุตรหลาน โดยจะเน้นจับกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่ต้องการแผนการออมเงินอย่างมีวินัย และช่วยคุ้มครองอนาคตทางการศึกษาของบุตรหลานได้แน่นอน หมดห่วงกับความไม่แน่นอนของชีวิต
นอกจากนี้ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทยังมีแผนจะเปิดตัว FWD Smart App ซึ่งเป็นระบบงานใหม่ที่ช่วยให้การขายประกันชีวิตทำได้สะดวกขึ้น ที่เรียกว่า ดิจิตัล โซลูชั่น โดยสามารถขายประกันชีวิตและออกกรมธรรม์เป็นแบบดิจิตัล ไม่ต้องใช้กระดาษ
"เรามองว่านวัตกรรมนี้ เป็นเรื่องที่สอดคล้องไปกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามาแทรกอยู่ในชีวิตลูกค้าทุกเรื่อง ทั้งยังทำให้ตัวแทนสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งปีนี้ยังมีแคมเปญการตลาดที่ทำผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งอินสตาแกรมและเฟซบุ๊คของ FWD Thailand รวมถึงในปลายไตรมาส 2 เราก็เตรียมจะเปิดตัวแบรนด์ FWD อย่างเป็นทางการด้วยการวางตำแหน่งแบรด์ที่ใหม่และแตกต่างด้วย หลังจากที่เปลี่ยนชื่อมาจากไอเอ็นจี ประกันชีวิต"
นายไมค์กล่าวอีกว่า การปรับปรุงงานด้านแบรนด์ ระบบงานที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนเพื่อสร้างความแตกต่างในบริการให้แก่ลูกค้านั้น ถือเป็น 1 ใน 3 กลยุทธ์สำคัญของ FWD ซึ่งต้องการตอกย้ำให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงบริการที่ "ง่ายและรวดเร็ว" ไม่ว่าจะเป็นการบริการผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
นอกจากนี้ กลยุทธ์ด้านการยกระดับความแข็งแกร่งในทุกช่องทางขายที่หลากหลาย ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่บริษัทให้ความสำคัญในปีนี้ โดยจะเฟ้นหาตัวแทนใหม่ เสริมศักยภาพตัวแทนเดิม ระบบอบรมที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาสนับสนุนงานฝั่งตัวแทน ขณะเดียวกันงานในฝั่งแบงก์แอสชัวรันซ์ที่มีธนาคารทหารไทยเป็นพันธมิตรหลัก ก็ยังมุ่งเน้นความร่วมมือกันพัฒนาขั้นตอนการทำงานและระบบงานเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าอย่างดีที่สุด เช่นเดียวกับช่องทางขายอื่นๆ ที่จะต้องย้ำความสัมพันธ์กับคู่ค้าที่เหนียวแน่น
กลยุทธ์ด้านสุดท้าย บริษัทจะเน้นการบริหารคนให้มีประสิทธิภาพ โดยจะลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงลูกค้าและบริการให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านประกันชีวิตที่ดี รวมถึงสนับสนุนให้พนักงานในทุกช่องทางขายสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นที่สุด
ด้านนายอามาน คาปัวร์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บมจ.เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตในปีนี้น่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง และน่าจะเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้นภายหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนเบี้ยประกันชีวิตต่อจีดีพีของไทยยังต่ำเพียง 3% เท่านั้น ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ อยู่ในระดับ 4.5% โดยคาดว่าปีนี้ธุรกิจประกันชีวิตไทยทั้งระบบน่าจะขยายตัวได้ 15% สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วซึ่งเติบโต 13% เบี้ยทั้งระบบกว่า 4.4 แสนล้านบาท
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมา เอฟดับบลิวดีฯ มีเบี้ยรับรวมกว่า 13,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% แบ่งเป็นเบี้ยจากช่องทางตัวแทน 41% แบงก์แอสชัวรันซ์ 52% และช่องทางขายอื่นๆ อีก 7% โดยที่กำไรเพิ่มขึ้น 25%
ข่าวเด่น