พอเริ่มเข้าสู่หน้าร้อนกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มก็เริ่มงัดกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายกันอย่างคึกครื้น แต่ที่เห็นจะสร้างกระแสคึกคักตั้งแต่หัววันคงจะหนีไม่พ้นชาเขียวพร้อมดื่ม ซึ่งปีนี้ยังคงสร้างกระแสความแรงด้วยแคมเปญโปรโมชั่นชุดใหญ่ ค่ายแรกที่เริ่มออกมาเปิดศึกก็หนีไม่พ้นเจ้าพ่อมาร์เก็ตติ้งชาเขียวอย่างแบรนด์ อิชิตัน
ทุกปีที่ผ่านมาชาเขียว อิชิตัน จะเน้นกลยุทธ์การลุ้นโชคแจกทอง หรือลุ้นเที่ยวไปญี่ปุ่น ซึ่งปีนี้ก็เช่นกันยังคงแจกรางวัลใหญ่เป็นทอง แต่อีกหนึ่งรางวัลใหญ่ที่แตกต่างไปจากทุกปีที่ผ่านมา คือ การแจกรถยนต์ปอร์เช่ สุดหรูจำนวน 3 คัน เอาใจผู้ที่มีฝันอยากมีรถปอร์เช่เป็นของตัวเอง ซึ่งในส่วนของเงื่อนไขการลุ้นรางวัลยังคงใช้วิธีเดิม นั่นก็คือ การส่งรหัสใต้ฝา
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแข่งขันของธุรกิจเครื่องดื่มในช่วงหน้าร้อนนี้คาดว่ายังคงมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงหน้าขายเห็นได้จากยอดขายในช่วงหน้าร้อนที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 30-40% ของยอดขายทั้งปี แต่ในส่วนของปีนี้อาจจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เพราะการทำแคมเปญส่งเสริมการขายในช่วงหน้าร้อนของผู้ประกอบการเครื่องดื่มเริ่มช้ากว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการเมืองและอารมณ์การจับจ่ายของผู้บริโภค
ในส่วนของแผนการทำตลาดช่วงหน้าร้อนปีนี้ อิชิตัน ได้เตรียมงบไว้ที่ประมาณ 150 ล้านบาท จากงบตลาดรวมทั้งปี 800 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “อิชิตัน ลุ้นรหัสรวยเปรี้ยง ภาค 3” เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงหน้าร้อนนี้ ซึ่งของรางวัลที่จะนำมาให้ผู้บริโภคได้ลุ้นโชคระหว่างวันที่ 10 มี.ค.-12 พ.ค. นี้ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชั้น ประกอบด้วย โชคชั้นที่ 1 รางวัลทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท รวม 40 รางวัล จับรางวัลทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตลอดแคมเปญ รวมมูลค่า 40 ล้านบาท
ขณะที่โชคชั้นที่ 2 รถสปอร์ตสุดหรู Porsche Boxster และบัตรเติมน้ำมันฟรี รวมมูลค่ารางวัลละ 8.19 ล้านบาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 และฟรีภาษี ณ ที่จ่าย 5% ที่อิชิตันออกให้ จับรางวัลทุกเดือน ในวันที่ 10 มี.ค., 11 เม.ย. และ 12 พ.ค. รวม 3 คัน มูลค่ากว่า 24 ล้านบาท และโชคชั้นที่ 3 พิเศษยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มรางวัลเติมเงินฟรี 200 บาท/หมายเลข แจกวันละ 300 รางวัล รวม 12,000 รางวัล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่อิชิตันพัฒนาขึ้น ด้วยการส่งรางวัล เติมเงินเข้าถึงโทรศัพท์ของผู้ร่วมสนุกทันที
ในส่วนของกติการ่วมสนุก อิชิตัน ยังคงกำหนดกติกาไว้เหมือนเดิม คือ กด *488* ตามด้วยรหัส 10 หลักใต้ฝาหรือข้างในกล่องของทุกผลิตภัณฑ์ในเครือ ไม่ว่าจะเป็น อิชิตัน กรีนที ทุกรสชาติ, อิชิตัน บิ๊กเซฟ, ดราก้อน แบล็คที, เย็นเย็น โดยอิชิตัน และ อิชิตัน ซีเล็คเต็ด ทุกขนาดทุกรสชาติ ตามด้วย # แล้วกดโทรออก (เช่น *488*1234567890# กดโทรออก) ส่งฟรีทุกเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่เสีย 3 บาท ส่งรหัสได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง จับรางวัลและประกาศผลทุกวัน
นายตัน กล่าวว่า แคมเปญ อิชิตัน ลุ้นรหัสรวยเปรี้ยง ภาค 3 ถือเป็นกิจกรรมทางการตลาดใหญ่ประจำปีของบริษัท ที่จะจัดขึ้นเพียงแคมเปญเดียวต่อปี เพื่อกระตุ้นให้ตลาดรวมชาเขียวมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไป ซึ่งหลังจากเปิดตัวแคมเปญดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เพราะเป็นแคมเปญที่เข้าถึงง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งยังมีการนำเสนอของรางวัลที่โดนใจผู้บริโภค
ส่วนเป้าหมายยอดขายหลังจบแคมเปญ อิชิตัน ลุ้นรหัสรวยเปรี้ยง ภาค 3 อิชิตัน คาดการณ์ว่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายทั้งปีคาดว่าจะยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมียอดขายอยู่ที่กว่า 6,000 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดชาเขียว ซึ่งล่าสุดมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 42% จากมูลค่าตลาดรวมชาเขียวพร้อมดื่มกว่า 16,200 ล้านบาท
ขณะที่ อิชิตัน ออกมาประกาศแคมเปญใหญ่ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงหน้าร้อน ในฝั่งของ โออิชิ ยังคงซุ่มเงียบในการวางแผนการทำกิจกรรมการตลาด หลังเมื่อปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาได้ออกมาประกาศแผนเชิงรุกธุรกิจในเครือทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ว่าปีนี้จะมีแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างไร และมีเป้าหมายรายได้เติบโตเท่าไหร่
แม้ว่าขณะนี้ โออิชิ ยังไม่ออกมาเปิดตัวแคมเปญส่งเสริมการขายผ่านโปรโมชั่นลุ้นโชค เนื่องจากต้องการเปิดตัวเครื่องดื่มน้องใหม่เข้ามาปูทางก่อนที่จะระเบิดแคมเปญใหญ่ แต่จากการแข่งขันที่รุนแรงเชื่อว่าเร็วๆนี้ โออิชิ คงได้ออกมาเปิดตัวแคมเปญโปรโมชั่นยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน แต่จะเป็นอะไรคงต้องลุ้นกันต่อไป
นางเจษฎากร ธราทิป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดชาเขียวช่วงหน้าร้อนปีนี้ บริษัทคาดว่ายังคงมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจของชาเขียวโออิชิ นับจากนี้บริษัทจะเน้นการทำกิจขกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงหน้าร้อน ซึ่งถือเป็นหน้าขายของชาเขียวโออิชิ ซึ่งแต่ละปีจะมีสัดส่วนยอดขายในช่วงหน้าร้อนประมาณ 30%
สำหรับแผนการทำตลาดในปีนี้ โออิชิ ได้เตรียมงบกว่า 500 ล้านบาท เพื่อใช้ทำตลาดในปีนี้ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. แบรนดิ้ง 2. นิวโปรดักต์ และ 3. โปรโมชั่น ซึ่งในส่วนของแคมเปญโปรโมชั่นบริษัทยังจะเน้นทำแคมเปญขนาดใหญ่เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำเครื่องดื่มชาเขียว ซึ่งภายในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะพร้อมเปิดตัวแคมเปญอย่างเป็นทางการ
ล่าสุด โออิชิ ได้ออกมาใช้งบกว่า 200 ล้านบาท เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มสมุนไพร หรือนอนกรีนที ภายใต้แบรนด์ “โอเฮิร์บ” ด้วย 2 รสชาติใหม่ คือ รสน้ำผึ้งโสม และรสรากบัวพุทราจีน ขนาด 380 มล. ราคา 15 บาท เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ จับกลุ่มอายุ 22-40 ปี เน้นกลุ่มเฟิสต์จ็อบเบอร์เป็นหลัก ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ โอกาสทางการดื่ม และความสะดวกในการซื้อสินค้า คาดสิ้นปีสร้างรายได้ในสัดส่วน 20% และชาเขียวโออิชิอยู่ที่ 80% ของรายได้กลุ่มเครื่องดื่มชาเขียว และภายในปี 2558 จะก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มสมุนไพร
ทั้งนี้ จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่า เครื่องดื่มสมุนไพรแท้โอเฮิร์บ ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งในแง่ของรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม และชื่อผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นชื่อที่สามารถจดจำง่าย เนื่องจากคอนเซ็ปต์ของผลิตภัณฑ์มีโดดเด่นในเรื่องคุณประโยชน์ และมีบรรจุภัณฑ์ที่สะดุดตา ตรงใจกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุระหว่าง 22-40 ปี ซึ่งมองหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เพื่อเพิ่มความสดชื่นและมีคุณประโยชน์
นอกจากนี้ ยังพบว่า เครื่องดื่มประเภทเฮอร์เบิลดริ้งค์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค มีอัตราการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการในตลาดเครื่องดื่มเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มสมุนไพร ซึ่งปัจจุบันเริ่มเห็นการนำสมุนไพรมาใส่ในชาเขียว จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ชาเขียวพร้อมดื่มในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มชาสมุนไพรมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ1,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9% ของตลาดรวมชาพร้อมดื่ม ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท และจากการที่ผู้เล่นในตลาดออกมาทำกิจกรรมการตลาดกันมาขึ้นคาดว่าจะผลักดันให้ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มมีอัตราการเติบโตได้เป็นตัวเลข 2 หลักอยู่ ขณะที่ตลาดเครื่องดื่มสมุนไพรรวมมีมูลค่าอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นชาผสมสมุนไพร 1,500 ล้านบาท 2. เอเชียนดริงก์ 1,500 ล้านบาท 3. น้ำสมุนไพรทั่วไป 2,000 ล้านบาท ซึ่งในกลุ่มชาผสมสมุนไพรเป็นตลาดที่เติบโตมากสุด 40%
ในด้านของแผนการทำตลาดเครื่องดื่มน้องใหม่ โออิชิ ได้ยังเตรียมงบประมาณ 200 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างเต็มรูปแบบครบ 360 องศา เพื่อสร้างการจดจำในแบรนด์และเข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะดิจิตอล มีเดีย ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญ เนื่องจากพฤติกรรมเสพสื่อของคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีจำนวนกว่าครึ่งของประชากรไทยในปัจจุบัน ล้วนให้ความสำคัญและจดจ่อกับจอสมาร์ทโฟน และแกดเจ็ทต่างๆ นอกจากนี้ โออิชิ ยังมีผลิตภัณฑ์ให้ชิมฟรีครั้งใหญ่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แจกเครื่องดื่มสมุนไพรโอเฮิร์บทั้ง 2 รสชาติให้ชิมฟรีเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศ
นางเจษฎากร กล่าวปิดท้ายว่า บริษัทมั่นใจว่าจากความเชี่ยวชาญในการพัฒนานวัตกรรมสินค้า และการพิถีพิถันคัดสรรวัตถุดิบสมุนไพรจากธรรมชาติทั้ง 4 ชนิด ที่ประกอบด้วย โสม น้ำผึ้ง รากบัว และพุทราจีน สินค้าใหม่ของ โออิชิ น่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ เพราะสินค้ามีรสอร่อยและสดชื่น อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งารูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซงภายในปี 2558 โออิชิ มั่นใจว่า โอเฮิร์บ จะก้าวสู่แบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มสมุนไพรได้อย่างแน่นอน
ข่าวเด่น