จากการขยายตัวของเมืองและความเจริญต่างๆที่กระจายไปในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดต่างจังหวัดเริ่มมีความคล้ายคลึงกับผู้บริโภคกรุงเทพฯ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าปลีกต่างพลิกแผนหันไปเปิดศูนย์การค้าในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของคนต่างจังหวัดที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ ยังถือเป็นการปรับตัวเพื่อรับมือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2558 ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 1 ปีเศษๆเท่านั้น จากเหตุปัจจัยดังกล่าวจะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการค้าปลีกเริ่มเข้าไปจับจองพื้นที่ใกล้แนวชายแดน เพื่อเปิดศูนย์การค้าและรองรับความต้องการของผู้บริโภคจากประเทศเพื่อนบ้านที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ภายหลังจากเปิดเออีซี
หนึ่งในผู้ประกอบการที่เห็นโอกาสดังกล่าว และออกมาเปิดแผนว่าแนวทางการเปิดห้างสรรพสินค้าสาขาใหม่นับจากนี้จะเน้นไปในตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก คือ "โรบินสัน" หลังจากขณะนี้ปักธงเปิดสาขาในต่างจังหวัดได้แล้ว 26 จังหวัด
นายอลัน จอร์จ ทอมสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้บริษัทจะเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ปีละประมาณ 4-5 สาขา เช่นเดียวกับปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาใหม่ 5 สาขา ในรูปแบบ Lifestyle Center ซึ่งจะเน้นการขยายสาขาในตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นหลังการเปิดเออีซี ที่จะมีขึ้นในปี 2558 ซึ่งสาขาใหม่แห่งแรกที่คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ที่จะถึงนี้คือ ปราจีนบุรี หลังจากนั้นจะเปิดสาขาร้อยเอ็ด สาขาฉะเชิงเทรา สาขาสมุทรปราการ และสาขามุกดาหาร โดยในส่วนของ 5 สาขาดังกล่าวที่จะเปิดให้บริการในปีนีคาดว่าจะใช้งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 5,350 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสันจะนำมาใช้ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนนับจากนี้ ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์หลัก คือ 1.การศึกษาวิจัยตลาด เพื่อเลือกตลาดที่มีศักยภาพ การเลือกทำเลที่ตั้งที่ดีที่เหมาะสมกับตลาด และ Merchandising Mix ที่เหมาะสมตอบสนองลูกค้าและเหนือกว่าคู่แข่ง 2.การวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและข้อมูลลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับสินค้า บรรยากาศ ภายในห้างฯ ยกระดับความทันสมัยและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าตลอดเวลา
3.การตลาด ที่มุ่งเน้นดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามาใช้บริการ ผลักดันยอดขาย และสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สร้างคุณค่าที่เหนือกว่า อาศัยข้อมูลจากการวิจัยตลาด ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมที่มีความโดดเด่น แปลกใหม่ สร้างสรรค์ (Signature Event) และ 4.การบริการและการบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้างฯ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน โดยมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากร และยกระดับคุณภาพการให้บริการสู่มาตรฐานสากล
นอกจากจะปักธงบุกตลาดอย่างจริงจังแล้ว ห้างสรรพสินค้าโรบินสันยังกางแผนที่จะขยายสาขาห้างสรรพสินค้าโรบินส์ในประเทศเวียดนามอย่างจริงจัง ด้วยการเริ่มบุกปีนี้เป็นปีแรกที่ 2 สาขา หลังจากนั้นอีก 3 ปี หรือภายในปี 2559 โรบินสันคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนห้างสรรพสินค้า โรบินส์ เปิดให้บริการไม่ต่ำกว่า 4-5 สาขา และเพิ่มขึ้นเป็น 34 สาขาเท่ากับประเทศไทยในขณะนี้ที่มีจำนวนสาขาห้างสรรพสินค้าโรบินสันเปิดให้บริการอยู่ที่ 34 สาขา ในอนาคตอันใกล้นี้
ส่วนแผนการขยายสาขาของห้างสรรพสินค้า โรบินส์ ในประเทศเวียดนามปีนี้ ห้างสรรพสินค้าโรบินสันจะเปิดห้างสรรพสินค้า โรบินส์ 2 สาขา โดยสาขาแรกจะอยู่ที่กรุงฮานอย คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในเดือน มี.ค.นี้ บนพื้นที่ 10,000 ตร.ม. บริเวณชั้น B1 ของโรยัลซิตี้ เมืองฮานอย ซึ่งในส่วนของสาขาดังกล่าวจะเป็นสาขาต้นแบบของโรบินส์ในการขยายสาขาต่อไป โดยในส่วนของสาขาที่ 2 จะเปิดให้บริการเดือน ต.ค. ที่กรุงโฮจิมินห์ ซึ่งทั้ง 2 สาขาจะใช้งบลงทุนรวม 400 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมผลผลการดำเนินงานของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ในปี 2556 ที่ผ่านมา มียอดขายอบู่ที่ประมาณ 24,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2555 ที่ประมาณ 12.4% และมีกำไรสุทธิอยู่ 1,986 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 19.8% แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทางการเมืองเกิดขึ้น โดยในส่วนของสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เพราะนอกจากจะเปิดสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเก่าแล้วบริษัทยังมีแผนที่จะใช้งบอีก 700 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมการตลาดตลอดทั้งปีนี้
อีกหนึ่งผู้ประกอบการที่ออกมาประกาศแผนบุกตลาดต่างจังหวัดเป็นหลักเช่นกันนั่นก็คือ บริษัท สยามรีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์, เทอร์มินอล ทเวนตี้วัน ,เดอะ พรอมานาด และไลฟ์เซ็นเตอร์ ภายหลังจากเปิดศูนย์การค้าทั้ง 4 แบรนด์จนเป็นที่รู้จักของคนกรุงเทพฯและคนต่างชาติ วันนี้บริษัทสยามรีเทลพร้อมแล้วที่จะเปิดเกมบุกตลาดค้าปลีกในตลาดต่างจังหวัด
ศูนย์การค้าแต่ละแบรนด์ที่ บริษัท สยามรีเทล นำเข้ามาทำตลาด แต่ละแบรนด์ล้วนแต่มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป โดยในส่วนของศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ จะเป็นแหล่งรวมความสุขของทุกครอบครัว ขณะที่ศูนย์การค้าเดอะพรอมานาด จะเป็นไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งมอลล์ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม ศูนย์การค้าเทอร์มินอล ทเวนตี้วัน จะเป็นแหล่งช้อปปิ้งเทรนด์ใหม่ และศูนย์การค้าไลฟ์เซ็นเตอร์ จะเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ที่เน้นบริการด้านสุขภาพและความงาม
นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและกำลังซื้อของผู้บริโภคในตลาดต่างจังหวัดที่ใกล้เคียงกับผู้บริโภคในกรุงเทพฯ ประกอบกับ ปี 2558 จะมีการเปิดเออีซี บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปขยายศูนย์การค้าในตลาดต่างจังหวัด ด้วยการเตรียมงบการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท ในการเปิดศูนย์การค้าใหม่จำนวน 4 แห่งในช่วง 6 ปีนับจากจากนี้
3 จังหวัดแรกที่บริษัท สยามรีเทล จะเข้าไปเปิดศูนย์การค้า คือ นครราชสีมา ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช โดยในส่วนของ จ.นครราชสีมา และขอนแก่น จะใช้แบรนด์ศูนย์การค้าเทอร์มินอล ทเวนตี้วัน ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมว่าจะใช้แบรนด์ไหนเข้าไปเปิดให้บริการ เนื่องจากสาขาที่ จ. นครศรีธรรมราช จะมีขนาดเล็กกว่า จ.นครสีธรรมราชและขอนแก่น
สาขาแรก ที่บริษัท สยามรีเทล จะเข้าไปเปิดศูนย์การค้าในตลาดต่างจังหวัด คือ นครราชสีมา เนื่องจากจังหวัดดังกล่าวเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ มีประชากรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดมีกำลังซื้อสูง หรือรายได้เฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ประมาณ 71,409 บาทต่อปี ดังนั้นโมเดลของห้างสรรพสินค้าที่จะนำไปเปิดให้บริการ จึงต้องมีขนาดใหญ่หรือมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 70,000-100,000 ตร.ม.ซึ่งในส่วนของสาขานครราชสีมา จะตั้งอยู่บนพื้นที่ 32 ไร่ ใช้งบลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท เท่ากับสาขาขอนแก่น ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 55 ไร่
ส่วนสาขานครศรีธรรมราช จะอยู่บนพื้นที่ 41 ไร่ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของการก่อสร้างคาดว่าจะดำเนินการได้หลังสาขาขอนแก่นเริ่มก่อสร้างไปได้ 1 ปี หรือจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณปี 2559 ส่วนสาขาที่ 4 ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาทำเลที่มีความเหมาะสม โดยจะเน้นศึกษาทำเลแหล่งท่องเที่ยวเป็นหลัก
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า นับจากนี้ บริษัท สยามรีเทล จะเร่งเพิ่มศูนย์การค้าแห่งใหม่ปีละ 1-2 แห่ง และจาก 4 โครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นแล้ว ยังเตรียมมองหาพื้นที่อื่นๆ ในการลงทุนต่อด้วย เน้นเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ อย่าง ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ โดยโมเดลที่จะเข้าไปลงทุนนั้น อาจจะมีขนาดเล็กลงมา เพราะที่ดินในทำเลที่ดีในปัจจุบันหายาก
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะใช้งบอีกประมาณ 2,700 ล้านบาท ในการปรับปรุงพื้นที่ไฮบริดมอลล์ หรือพื้นที่ส่วนขยายระหว่างศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์และศูนย์การค้าพรอมมานาด ให้มีพื้นที่ขายเพิ่มขึ้นอีก 40,000 ตร.ม.เป็น 5.1 แสนตร.ม. พร้อมกับเพิ่มพื้นที่จอดรถจาก 6,500 คนเป็น 8,600 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งหลังจากเริ่มปรับปรุงพื้นที่ในปีนี้คาดว่าในอีก 3 ปีจะแล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการ
หลังจากเปิดศูนย์การค้าครบทั้ง 8 แห่งตามที่วางแผนไว้ 6 ปีนับจากนี้ ช่วงเวลาดังกล่าว บริษัท สยามรีเทล คาดการณ์ว่าน่าจะมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 2,970 ล้านบาท เติบโต 10-13% เมื่อเทียบกับปี 2555 แม้ว่าจะมีปัจจัยลบในด้านของการเมืองเข้ามาส่งผลกระทบต่อศูนย์การค้าเทอร์มินอล ทเวนตี้วัน ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ดีมานด์ที่ขาดซัพพลายของคนต่างจังหวัด ส่งผลให้ผู้ประกอบการศูนย์การค้าเริ่มเข้าไปจับจองทำเลเด่น เพื่อดำเนินธุรกิจศูนย์การค้า ซึ่งจากแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้เริ่มมีเสียงบ่นจากผู้ประกอบการหลายรายว่า ราคาที่ดินในตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวจังหวัดขนาดใหญ่ และจังหวัดที่มีศักยภาพด้านกำลังซื้อ ราคาที่ดินเริ่มขยับขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์ จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมตลาดต่างจังหวัดจึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้ เพราะถึงก่อนย่อมมีสิทธิ์ก่อน
ข่าวเด่น