บจ. รายงานตัวเลขยอดขายรวมเกิน 10 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แม้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าและเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว โดยสิ้นปี 2556 บจ.มีกำไรสุทธิรวมมูลค่า 789,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.22% จากปีก่อนหน้า
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ (SET) จำนวน 491 บริษัท หรือ 96.84% จากทั้งหมด 507 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG) นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2556 แล้ว มีบจ. ที่มีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานจำนวน 415 บริษัท คิดเป็น 84.52% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยยอดขายรวมปี 2556 อยู่ที่ 10,983,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.89% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 789,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.22% ด้านประสิทธิภาพการทำกำไรปีนี้เทียบกับปีที่แล้ว อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 17.64% เป็น 18.44% อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 7.03% เป็น 7.19% ด้านอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.24 เท่า
“ภาพรวมผลการดำเนินงานของ บจ. ปี 2556 ยังเติบโตได้แม้ว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าของธุรกิจที่อยู่ต้นน้ำ (Upstream) เช่น ธุรกิจพลังงาน ปิโตรเคมี เหล็ก เกษตรและอาหาร อีกทั้งยังมีผลกระทบจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนตามเงินบาทที่อ่อนค่า อย่างไรก็ตาม บจ. ในภาคการเงิน ภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงบางธุรกิจในภาคบริการ เช่น ธุรกิจค้าปลีก โรงแรม สื่อและสิ่งพิมพ์ รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของสังคมเมือง การกระจายความเสี่ยงพื้นที่ให้บริการ และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอุตสาหกรรม ยังมีผลการดำเนินงานเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าแม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศมีการชะลอตัวต่อเนื่องก็ตาม” นายชนิตรกล่าว
นอกจากนี้ นายชนิตรยังกล่าวเสริมว่า “สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคของครัวเรือนรวมถึงการลงทุนของเอกชนที่ลดลงตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว ทำให้เห็นอัตราการเติบโตยอดขายและกำไรของ บจ. ช่วงไตรมาส 3 และ 4 ชะลอตัวต่อเนื่องตามลำดับทั้งในภาคการผลิต ภาคบริการ ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการเงิน อย่างไรก็ตาม หากดูข้อมูลตามประเภทธุรกิจเพิ่มเติมพบว่าธุรกิจอาหารและธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กลับมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสวนทางกับภาพรวม ซึ่งธุรกิจดังกล่าวได้รับประโยชน์จากการส่งออกตามวงจรเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัว”
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรปี 2556 สูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ. ปูนซีเมนต์ไทย (SCC)
กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกจาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุด ได้แก่ ธุรกิจการเงิน ทรัพยากร และอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
สำหรับหมวดธุรกิจที่มีกำไรสูงสุด 3 อันดับแรกจาก 28 หมวดธุรกิจ ได้แก่ พลังงานและสาธารณูปโภค ธนาคาร และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยทั้ง 3 หมวดมีกำไรสุทธิรวม 469,417 ล้านบาท คิดเป็น 59.47% ของกำไรสุทธิรวมทั้งหมด และยอดขายรวมของทั้ง 3 หมวดคิดเป็น 54.15 % ของยอดขายรวมทั้งหมด
ข่าวเด่น