หุ้นทอง
ICC ตัวอย่างธุรกิจที่ขยับตัวในภาวะการเมือง


 

 
 
ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี กลับเป็นโอกาสของผู้ที่แข็งแกร่งอย่าง ICC บริษัทในกลุ่มสหพัฒน์ฯ รุกคืบซื้อหาช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ BSC ต่างประเทศ ทั้ง ฝรั่งเศส จีน กัมพูชา ไม่ได้พึ่งพิงรายได้ในประเทศอย่างเดียว
 
 
 
 
 

 

โอกาสของผู้ที่แข็งแกร่งคงไม่ได้ถูกจำกัดที่ปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมระยะสั้นๆ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือ ICC บริษัทในกลุ่มสหพัฒน์ฯ รุกคืบซื้อหาช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ BSC ต่างประเทศ ทั้ง ฝรั่งเศส จีน กัมพูชา ช่วงระยะเวลาที่มีเหตุการณ์ทางการเมือง ICC ถือแป็นอีกธุรกิจที่มีการขยับตัวเพื่อเปิดรับกับโอกาสใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา

 

 

 

 

 

นาย บุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมกรบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ICC กล่าวว่า บริษัทได้มีการขยายธุรกิจของผู้ที่เห็นโอกาส โดยเข้าลงทุนในบริษัท อามี ดู มองด์ จำกัด จากประเทศฝรั่งเศส มูลค่า 98,300 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10 ยูโร รวมเป็นเงิน 983 ยูโร หรือประมาณ 43.24 ล้านบาท จุดประสงค์เพื่อต้องการเพิ่มขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าของบริษัทในเครือสหพัฒน์ฯ ไปยังประเทศฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆในยุโรป และสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท คือ BSC ด้วย เป็นการปูทางสู่การทำธุรกิจในต่างประเทศเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

 

ไม่เพียงแค่นี้ ช่วงต้นปี 2557 ICC ยังเดินหน้า หาโอกาสทางธุรกิจต่อเนื่องทั้งใน จีน กัมพูชา โดยเข้าถือหุ้นเพิ่มในบริษัทที่มีโอกาสทางธุรกิจ คือ บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 27.75 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงทุนประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ไม่เพียงเท่านี้ยังลงทุนในธุรกิจจำหน่ายสินค้าออนไลน์ในประเทศจีนด้วย คือ บริษัท ไทย วัน มอลล์ จำกัด มูลค่า 9.5 แสนบาท จุดประสงค์เพื่อจำหน่ายสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และยังเป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจไปยังประเทศจีน และเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าของบริษัท และเครือสหพัฒน์

 

 

สำหรับที่กัมพูชานั้น นายบุญเกียรติ เปิดเผยว่า เพื่อต้องการขยายลงทุนต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการก้าวสู่ AEC ด้วย โดยการเข้าลงทุนใน บริษัท Canchana International Co., Ltd. ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในกัมพูชา มูลค่า 66,400 บาท ส่งผลให้บริษัทถือหุ้นสัดส่วน 40 %

 

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ICC ยังเข้าซื้อหุ้นบริษัท บีเอ็นซี เรียลเอสเตท จำกัด ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยมูลค่า 10 ล้านบาท ทำให้มีสัดส่วน 16.67  % ซึ่งจุดประสงค์เพื่อหวังผลตอบแทนในรูปเงินปันผล เนื่องจากโครงการของ บีเอ็นซี เรียลเอสเตรท ดำเนินธุรกิจอยู่ในเขตชุมชนใกล้สถานศึกษาและตลาด สามารถนำไปพัฒนาและสร้างโอกาสทำกำไรในอนาคตได้

 

คงจะสะท้อนธุรกิจที่มีกระแสเงินสดสูง เนื่องจากอยู่ในอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค โดยยังมีกำไรสะสม 723.6 ล้านบาท ด้านผลประกอบการปี 2556 มีกำไรสุทธิ 684.55 ล้านบาท รายได้รวม 13,933.30 ล้านบาท

 

 

 

 

 

 

 


LastUpdate 14/03/2557 13:59:30 โดย : Admin
23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 7:01 pm