วิริยะประกันภัยตั้งเป้าเบี้ยโตเหนือตลาด 2 เดือนแรกตลาดแผ่ว แถมยอดรถใหม่ฝืด กระทบตลาดประกัน คุมเข้มดูแลลูกค้าต่ออายุ รักษาระดับ 60% พร้อมปูพรมกระชับมือธุรกิจเพื่อนบ้าน ขานรับเออีซี ต่อยอดบริการประกันรถข้ามแดน
นายอานนท์ โอภาสพิมลธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.วิริยะประกันภัย เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตเบี้ยรับรวมไม่มากนัก โดยคาดว่า น่าจะยังเติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่คาดว่าจะเติบโตราว 5% เนื่องจากฐานในปีที่แล้วค่อนข้างสูงมากถึง 3.4 หมื่นล้านบาท เติบโตถึง 21% ซึ่งปีนี้จะไม่มีปัจจัยสนับสนุนอย่างโครงการรถคันแรกแล้ว
"เรามองว่าอัตราเติบโตโดยรวมคงไม่สูงมาก แต่เราก็ยังมองว่าน่าจะยังพอเติบโตได้ โดยเน้นการดูแลเรื่องบริการและฐานลูกค้าเดิมเป็นหลัก โดยเฉพาะลูกค้าต่ออายุที่ต้องรักษาระดับให้ได้ที่ 60% ขึ้นไป เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญ และส่วนใหญ่ลูกค้าของวิริยะฯ จะซื้อประกันและต่ออายุกันมาค่อนข้างนาน เป็นกลุ่มที่ความเสี่ยงค่อนข้างดีอยู่แล้ว"
สำหรับผลกระทบจากประเด็นด้านการเมืองนั้น นายอานนท์ยอมรับว่า มีผลกระทบเรื่องยอดขายชะลอตัวไปบ้าง แต่มองอีกฝั่งหนึ่งเมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจค่อนข้างซบเซาเช่นนี้ อัตราการใช้รถก็จะไม่สูงมาก ทำให้โอกาสการเกิดอุบัติเหตุและเรียกสินไหมนั้นก็ลดน้อยลงไปด้วย ซึ่งเห็นได้จากอัตราสินไหม (ลอสเรโช) ปรับลดลงมาเล็กน้อยแล้วเมื่อเทียบจากช่วงกลางปีที่แล้ว
ภาพการแข่งขันของตลาดประกันภัยรถยนต์ปีนี้ ผู้บริหารของวิริยะประกันภัยฯ ในฐานะเจ้าตลาดประกันภัยรถยนต์ กล่าวว่า คงเห็นการแข่งขันกันมากเป็นเรื่องปกติ แต่กระนั้นลูกค้าของวิริยะฯ น่าจะไม่ใช่กลุ่มที่อ่อนไหวต่อเรื่องราคาค่าเบี้ยประกันมากนัก เพราะบริษัทจะค่อนข้างคิดเบี้ยที่ครอบคลุมกับความเสี่ยงอยู่แล้ว แต่ต้องเน้นที่รักษาคุณภาพบริการซึ่งเป็นจุดเด่นของบริษัทมากกว่า
"อัตราเบี้ยคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ลูกค้าจะมองแบรนด์วิริยะประกันภัยพร้อมกับความอุ่นใจเรื่องบริการเป็นหลัก เรามองเรื่องราคาเบี้ยให้คุ้มกับค่าสินไหมและความเสี่ยง เพราะให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงของธุรกิจ แต่ละปีเราต้องดูแลลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องด้านสินไหมต่างๆ มากกว่า 1 ล้านราย จ่ายเคลม 8.2 แสนเคลม/ปี คิดเป็นเงินปีละกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ฉะนั้นการคุมราคาให้เบี้ยเพียงพอจึงสำคัญ"
นอกจากนี้ นายอานนท์กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนจะขยายบริการด้านประกันภัยออกไปรองรับลูกค้ารถบรรทุกที่ต้องการเดินทางข้ามพรมแดน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งน่าจะได้อานิสงส์การเติบโตที่ดีจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยปัจจุบันได้เริ่มเจรจากับบริษัทประกันภัยในประเทศลาวแล้ว เพื่อจะสามารถให้บริการด้านรับประกันภัยและสินไหมในลาวได้ด้วย คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในไตรมาส 2 ปีนี้
นายอานนท์ยังกล่าวอีกว่า การออกไปให้บริการนอกประเทศยังเป็นข้อจำกัดของการรับประกันภัยในปัจจุบัน เพราะแต่ละประเทศจะมีเงื่อนไขการรับประกัน ความคุ้มครอง และระบบสาธารณูปโภคต่างกัน จึงต้องเจรจาหาข้อตกลงกันให้ได้ก่อน เช่น วงเงินการรับประกันภัย หรือเครือข่ายอู่ซ่อม เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กำลังประสานกับบริษัทประกันภัยที่เป็นพันธมิตรในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเร่งพัฒนากรมธรรม์และบริการต่างๆ รวมกัน
"นโยบายของเราจะใช้วิธีจับมือกับบริษัทประกันภัยในประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเป็นพันธมิตรกัน รถที่เดินทางข้ามพรมแดนก็จะช่วยขายประกันภัยให้กัน เป็นลักษณะความร่วมมือมากกว่า ไม่มีแผนจะทำตลาดเชิงรุกออกไปลุยตลาดในต่างประเทศเองหรือซื้อกิจการ คงไม่ใช่แบบนั้น แต่ใช้ความเป็นพันธมิตรกัน ซึ่งปีนี้จะจับมือให้ครบรอบประเทศ ทั้งในประเทศลาว เมียนมาร์ กัมพูชา และมาเลเซีย" นายอานนท์กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2556 ของวิริยะประกันภัยนั้น มีเบี้ยรับรวม 33,983 ล้านบาท เติบโต 21% แบ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ 30,940 ล้านบาท เติบโต 21% และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 3,043 ล้านบาท เติบโต 25% โดยมีสินทรัพย์รวม 49,386 ล้านบาท และเงินกองทุน 21,810 ล้านบาท คิดเป็น 275% ของเงินกองทุนขั้นต่ำที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมาย
ข่าวเด่น