“ซีอีโอ PACE “ ลั่นพร้อมเปิดตัว 2 โครงการยักษ์ “มหานคร และ มหาสมุทร หัวหิน” ปีนี้ มั่นใจยอดขายฉลุย หลังเปลี่ยนกรรมสิทธิ์การถือครอง เป็น“ฟรีโฮลด์” ขายขาด ส่งผลยอดขายวิ่งฉิว เล็งปรับราคาขึ้น 15% เผยผลดำเนินงานส่อแววรุ่ง ปี 57-58 ทยอยรับรู้รายได้ ส่งผลปี 58 พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร ประกาศก้องพร้อมจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เล็งนำ “มหานคร คิวบ์” เข้ากองทรัสต์ REIT
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า เพซจะมุ่งเน้นไปที่การเร่งการก่อสร้างโครงการที่บริษัทดำเนินอยู่ทั้งสองโครงการ คือ 1.โครงการมหานคร มูลค่าโครงการ 21,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแลนด์มาร์คแบบมิกซ์ยูส ที่ประกอบไปด้วย ที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่แบรนด์ เดอะริทซ์ –คาร์ลตัน จำนวน 200 ห้อง ,โรงแรมบางกอกเอดิชั่น จำนวน 159 ห้อง,มหานคร คิวบ์ (พื้นที่ไลฟ์สไตล์รีเทล) และออบเซอเวชั่น เดค ประมาณ 9,800 ตารางเมตร โดยโครงการมหานครมีความสูง 314 เมตร 77 ชั้น ซึ่งหากแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2558 จะถือเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดของกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทได้ใช้เงินลงทุนเพื่อซื้อที่ดินอีกประมาณ 1,500 ล้านบาท ทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท เป็น 2,100 ล้านบาท จากโครงการเดิม 19,000 ล้านบาท ทำให้สามารถปรับราคาขึ้นได้อีก 15-20% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4% มาอยู่ที่ 36-37% จากเดิม 32-33%
2.โครงการมหาสมุทร หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ 120 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท เป็นโครงการวิลล่าตากอากาศระดับไฮเอนด์ในรูปแบบทันสมับ ผสมผสานความเรียบง่ายและความเป็นส่วนตัว กลมกลืนไปกับธรรมชาติของสถานที่ตั้ง รายล้อมด้วยทะเลสาบน้ำสีฟ้าใสระบบแมด-เมด ขนาด 45 ไร่ ใหญ่ที่สุดในเอเชีย รวมถึงหัวหินคันทรี่คลับที่เพียบพร้อมด้วยกีฬาทางน้ำ กีฬาในร่ม กีฬากลางแจ้ง กิจกรรมสำหรับเด็ก ร้านอาหาร นอกจากนี้ ยังมีบีชคลับ (สโมสรริมหาด) ที่เปิดโอกาสให้ผู้พักอาศัยสามารถเลือกที่จะไปเพลิดเพลินกับการเล่นน้ำทะเลและดื่มด่ำกับทัศนียภาพชายหาดหัวหินได้อย่างเต็มที่ โดยจะเปิดขายวิลล่ามหาสมุทรและสมาชิกหัวหินคันทรี่คลับประมาณไตรมาส 3 ปีนี้
“โครงการมหานครที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว โดยช่วงครึ่งหลังปี 2556 การก่อสร้างส่วนที่สำคัญสองส่วนหลักของโครงการสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยส่วนแรก งานใต้ดิน งานเสาเข็ม และงานก่อสร้างชั้นใต้ดินก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ ขณะที่ตัวอาคารหลักขณะนี้ก่อสร้างถึงชั้น 20 แล้ว โดยจากนี้ไปจะสามารถสร้างได้ประมาณ 6 ชั้นต่อเดือน และการก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จในปลายปี 2558” นายสรพจน์กล่าว
.jpg)
นายสรพจน์กล่าวต่อว่า ในส่วนที่สอง คือ มหานคร คิวบ์ อาคารไลฟ์สไตล์ แอนด์ รีเทลล์ เซ็นเตอร์ 7 ชั้น มีพื้นที่ประมาณ 5,200 ตารางเมตร ล่าสุดได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมเปิดให้บริการเฟสแรกในเดือนมีนาคมนี้ และรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ปี 2557 โดยขณะนี้ผู้เช่าใหญ่รายแรก คือ “ดีน แอนด์ เดลูก้า” ได้เปิดร้านแฟลกชิพ ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วยพื้นที่กว่า 800 ตารางเมตร ส่วนผู้เช่าแบรนด์ระดับโลกรายอื่นๆ พร้อมที่จะทยอยย้ายเข้าและเปิดให้บริการภายในไตรมาสสองและสามของปีนี้ โดยร้านค้าที่จะเข้ามาเปิดในคิวบ์ จะต้องสะท้อนคอนเซ็บท์หลักของโครงการมหานคร คือ ต้องเป็นแบรนด์ระดับโลกที่แตกต่างและต้องสะท้อนความเป็นไฮเอนด์ได้อย่างลงตัวกับโครงการ
“เพซมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายปีนี้ของโครงการมหานครได้ถึง 70% ตามเป้าหมาย โดยขณะนี้ทำยอดขายได้แล้วกว่า 55% หรือประมาณ 6 พันล้านบาท เป็นสัดส่วนชาวต่างชาติซื้อ 60% โดยเฉพาะสิงค์โปร์,ฮ่องกง และสัดส่วนคนไทยซื้อ 40% ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ออกไปโรดโชว์ในต่างประเทศตลอดทำให้การขายประสบความสำเร็จ และมีแผนเร็วๆ นี้จะไปโรดโชว์ต่อที่รัสเซียและอังกฤษ ทั้งนี้มองว่าการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้มีแรงซื้อจากต่างชาติในอสัหาฯกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น โดยที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าลงจาก 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็น 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรืออ่อนค่าลงเกือบ 10% ทำให้ลูกค้าต่างชาติซื้อโครงการได้ในราคาที่ต่ำลง ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่ง่ายขึ้น”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ กล่าว
นอกจากนี้ จากการวิจัยทางการตลาดของบริษัทพร้อมกับฐานข้อมูลของลูกค้า พบว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลุ่มไฮเอนด์จะยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากซัพพลายมีน้อย แต่มีดีมานท์สม่ำเสมอ อีกทั้งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์มักจะได้รับผลกระทบจากการผันผวนของเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกอื่นๆไม่มากเมื่อเทียบกับเซ็กเมนต์อื่นๆ เนื่องจากลูกค้ามีความมั่นคงทางด้านรายได้และมีกำลังซื้อที่ค่อนข้างสูง
นายสรพจน์กล่าวต่อว่า สำหรับยอดจอง คอนโดเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 23 ถึงชั้น 73 ของอาคาร มีจำนวนทั้งสิ้น 200 เรสซิเดนซ์ มีแบบให้เลือก 2 ถึง 5 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 125-844 ตารางเมตร โดยราคาต่อเรสซิเดนซ์อยู่ระหว่าง 40 -300 ล้านบาท ซึ่งทุกเรสซิเดนซ์มีพื้นที่รายล้อบด้วยกระจกสร้างบรรยากาศราวกับลอยอยู่บนฟ้า พร้อมมอบทิวทัศน์แบบพาโนรามาให้กับผู้พักอาศัย พร้อมด้วยบริการระดับ 5 ดาวในมาตรฐานเดอะริทซ์-คาร์ลตัน โดยสองเดือนที่ผ่านมา เพซสามารถทำยอดจองได้แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งปัจจัยสำคัญมาจากการที่เพซสามารถขายโครงการในรูปแบบฟรีโฮลด์ ทำให้ลูกค้าและนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการลงทุนระยะยาวกับทางโครงการมากขึ้น
“เพซได้เปลี่ยนกรรมสิทธิ์การถือครองในโครงการมหานคร จากรูปแบบการเช่าระยะยาว หรือ ลีสโฮลด์ เป็นแบบถือครองกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์หรือ ฟรีโฮลด์ ซึ่งเป็นการซื้อขายขาด หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติให้บริษัท เพซ โปรเจค วัน,เพซ โปรเจค ทู และบริษัทเพซ โปรเจค ทรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อที่ดินบริเวณโครงการมหานคร จากเดิมที่มีสัญญาเช่า 103 ปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงการถือครองกรรมสิทธิ์นี้ทำให้เพิ่มความน่าสนใจโครงการมากขึ้นและเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนในระยาวของลูกค้า ทำให้ยอดขายของโครงการเพิ่มสูงขึ้น”นายสรพจน์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ฯ กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าของโครงการมหาสมุทร วิลล่าตากอากาศสุดหรู ตั้งอยู่ที่ ซอยหัวหิน 112 มีพื้นที่ใช้สอยภายในและภายนอก 550-600 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 40 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวโครงการไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2556 ล่าสุด เพซได้ร่วมมือกับบริษัทก่อสร้างระดับโลก ไทยโอบายาชิ เพื่อดำเนินการก่อสร้างในส่วนงานโครงสร้างพื้นฐาน โดยได้ทำพิธีเปิดหน้าดินและเริ่มต้นก่อสร้างแล้ว และคาดว่าจะสามารถเริ่มการขายได้ประมาณไตรมาสที่สามปีนี้
“โครงการมหาสมุทร วิลล่า หัวหิน จะเปิดเป็นเฟสๆ โดยคาดจะสามารถรับรู้รายได้ประมาณปลายปี 2557 นี้ และสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 2558 นอกจากนี้ เพซฯมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ล่าสุด คอนโดมิเนียม หลังสวน ในปีนี้ เช่นกัน ซึ่งเป็นโครงการที่มีทำเลดีอยู่ห่างจากสวนลุมเพียง 50 เมตรเท่านั้น และการขายจะเป็นแบบฟรีโฮลด์ กำหนดราคาขายไว้ที่ 2.5 แสนบาทต่อตารางเมตร”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ กล่าว
นายสรพจน์กล่าวต่อถึงการรับรู้รายได้ของบริษัทในปีนี้และปีต่อๆไป ว่า บริษัทฯคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตอีกประมาณ 200 ล้านบาท จากปี 2556 ที่มีรายได้ 345 ล้านบาท หลังจากมีการโอนห้องชุดในโครงการศาลาแดง เรสซิเดนเซส และโครงการไฟคัส เลน สุขุมวิท 44 โดยขณะนี้บริษัทฯมียอดขายรอโอน หรือ Backlog ประมาณ 5,700 ล้านบาท และในปี 2558 จะมีรายได้จากโครงการมหานครเพิ่มเข้ามาอีก 3,000 ล้านบาท และโครงการมหาสมุทรอีก 3,000 ล้านบาท รวมเป็นยอดขายรอโอนทั้งสิ้น 11,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยการรับรู้รายได้ในปี 2557-2559 ทำให้บริษัทฯจะมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรในปี 2558 หลังจากปี 2556 ขาดทุนอยู่ประมาณ 795 ล้านบาท และปี 2557 ยังคงขาดทุนอยู่แต่ลดลงจากปีก่อน ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
สำหรับแผนงานต่อไป บริษัทฯมีแผนจะนำโครงการมหานคร คิวบ์ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ขายเป็นสินทรัพย์ของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ในช่วงปลายปีนี้ จากเดิมมีแผนจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าวประมาณไตรมาส 2 ปีนี้ เนื่องจากรอดูความชัดเจนในเรื่องกฎเกณฑ์ทางภาษี และต้องการให้มีการเปิดโครงการได้เต็ม 100% ก่อน ซึ่งหากเรื่องภาษีมีความชัดเจนภายในเดือนมิถุนายนนี้ บริษัทฯก็อาจจะจัดตั้งกองทุน REIT ได้ทันภายในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนและลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียม หลังสวน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในปีนี้ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E อยู่ที่ 0.8 เท่า
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) ระบุถึงประเด็นที่บริษัท เพซฯ ได้เจรจาซื้อที่ดินในโครงการมหานครสำเร็จ ทำให้โครงการเปลี่ยนรูปแบบเป็นฟรีโฮลด์ โดยผู้ซื้อเป็นเจ้าของสินทรัพย์ จากเดิมเป็นลีสโฮลด์ ซึ่งเป็นสิทธิการเช่าระยะยาว ส่งผลให้โครงการนี้มีความน่าสนใจในการลงทุนขึ้นมาทันที นอกจากนี้ จากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร เคจีไอฯมีมุมมองเป็นบวก จึงแนะนำนักลงทุนให้ “เก็งกำไร” หุ้น PACE โดยราคาเป้าหมายที่เป็น Consensus อยู่ที่ 5.2 บาท
.jpg)
ข่าวเด่น